“จตุพร”บี้ รมต.เพื่อไทย แจงค่าจ้างทำบล็อกเชนเท่าไร กี่ล้าน ซัดใช้แค่ 6 เดือนทำไปทำไม ระบุเป็นร่องรอยการหมุนรอบตามอ้างกระตุ้น ศก. แนะ “จุลพันธุ์” เข้าคุกถาม“บุญทรง-ภูมิ” ปมจำนำข้าว ยุ “เศรษฐา” กล้าจริง มั่นใจแจกเงินไม่ปัญญาอ่อนให้ลงมือทำเลย แล้วความฉิบหายจะมาเยื่อน ย้ำ รบ.อย่าเนียน รีบตอบคำถาม 7 ข้อจากอดีต ธปท. ชี้สังคมจะได้กระจ่างแจ้ง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 5.6 แสนล้านบาทว่า คนยังไม่เคยติดคุก อาจมีความคึกคักได้ผลักดันโครงการนี้ แต่ก่อนจะตัดสินใจอะไรไป ควรไปเยี่ยมนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับนายภูมิ สาระผล ในคุกก่อน แล้วสอบถามโครงการรับจำนำข้าวว่า วันนั้นเขาคิดอย่างไรและทำอะไร อย่างไรก็ตาม ตนได้เจอกันครั้งแรกในเรือนจำ เขาบอกว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิต

อีกทั้ง มั่นใจว่า ขณะนี้ลำพังนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เอาไม่อยู่แน่ เพราะการแจกเงินดิจิทัลเป็นเรื่องชาติบ้านเมืองและใหญ่กว่าตัวรัฐมนตรีที่ผลักดันโครงการเสียอีก ส่วนคนคัดค้านไม่อยู่ในวงการเมือง โดยเฉพาะอดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ อดีตรองผู้ว่า รวมทั้งนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยอีกมากมายล้วนไม่สนับสนุนโครงการนี้

สิ่งสำคัญ คนเหล่านี้มีฐานะทางสังคมและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย แม้ความรักชาติบ้านเมืองได้แสดงออกแตกต่างกัน ซึ่งจริงอยู่เงินหมื่นบาทตามธรรมชาติใครก็อยากได้ แต่อีกครึ่งของความจริงนั้น มุ่งสู่การคัดค้านความหายนะที่จะเกิดขึ้น ต้องการเปิดโปงให้เห็นใครมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้

นายจตุพร เชื่อว่า ถ้าประชาชนได้รับรู้แล้ว คนไทยจำนวนมากอาจรับไม่ได้ และจะออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านล้นหลามตามมาด้วย ดังนั้นอย่าคุยแต่กับความอยากได้ในช่วงคนลำบากกัน เพราะโครงการบางเรื่องดูเสมือนหนึ่งว่า ทำให้ แต่ถ้าติดคุกศาลชี้ว่า เป็นการทำเอา ไม่ใช่ทำให้

อย่างไรก็ตาม ก่อนนายจุลพันธุ์ จะไปชี้แจงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ลองตอบเบื้องต้นก่อนว่า จ่ายค่าทำบล็อกเชนกี่บาท และทำเพื่ออะไร นอกจากนี้การไปชี้แจงนั้น เท่ากับเป็นการสารภาพก่อนก่อคดี เพราะการพูดทั้งหมดจะถูกบันทึกเป็นหลักฐาน แสดงถึงการเตือน ได้ทักทวง และมีการยืนยันแล้ว ดังนั้น เมื่อยังไม่เป็นคดีก็เริงร่ากับการคิดเพียงด้านเดียวได้เสมอ

"ไม่มีใครคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงในเรื่องนี้ แต่หลังจากแจกเงินจะเกิดความฉิบหายมาแทนที่ จะถูกจับติดคุกอีก อีกอย่างถ้าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ 6 เดือนตามที่ประกาศไว้ จะไปจ้างทำบล็อกเชนใหม่ทำไม และทำไมไม่แจกเป็นเงินบาท แล้วจบกันไป ถ้าต้องการจะแจกกันจริง"

นายจตุพร กล่าวว่า การแจกเงินตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีสิทธิเลือกตั้งเมื่ออายุ 18 ปี จึงเป็นความสงสัยอาจมีประโยชน์การเมืองแฝงซ้อนไว้ นอกจากนี้ยังไม่แยกแจกคนยากดีมีจน แล้วตัวคนแจกก็ได้รับในสิ่งนั้นด้วย ทั้งหมดนี้ มีความคลางแคลงใจว่า ลงทุนไปเพื่ออะไร และคิดอ่านอะไรไว้ อีกอย่างคนที่รู้เรื่องเงินดิจิทัล การเงิน การคลัง ไม่รู้กี่สายตาต่างสงสัยในการแจกเงินครั้งนี้

พร้อมมั่นใจว่า ถ้าเป็นโครงการสุจริต ไม่มีใครขัดขวางประชาชนได้รับแจกเงินหมื่นบาทแน่นอน ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีโครงการหลายเรื่องประกาศไว้สามารถขยับได้ทันทีที่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่โครงการดิจิทัลเกิดสงสัยในเรื่องประโยชน์ทับซ้อน โดยมีคนได้ผลประโยชน์และไม่สมเหตุสมผลที่จะทำบล็อกเชนขึ้นมาใหม่ ถ้าต้องการใช้จ่ายแค่ 6 เดือน

"ลองแถลงออกมาว่า ต้องการใช้เงินทำบล็อกเชนเท่าไร รวมทั้งการเข้า-ออกของเหรียญดิจิทัลไป-กลับอย่างละ 3% ตามข้อสงสัยนั้นมีมูลค่าเท่าไร ขณะเดียวกันที่บอกจะหมุนเป็นวงรอบ ซึ่งถามกันหลายครั้งว่า มันจะหมุนอย่างไร เพราะการซื้อสินค้าเงินจะไหลเข้าไปยังเจ้าสัวผู้ผลิตสินค้าในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นเอง"

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ ถ้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลคิดว่าตัวเองถูกต้องก็ไม่ควรคิดอะไรมาก ลงมือแจกเงินเลย ส่วนทำไม ปปช.จึงให้มือทำงานคนสำคัญมาตรวจสอบ อีกทั้ง ธปท.อยู่ดีๆ จะขวางการแจกเงินทำไมถ้าเป็นโครงการรที่ดี ไม่กระทบกับการเงิน การคลังของชาติ แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่า โครงการนี้สร้างผลกระทบกับประเทศ ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ จะไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายก่อน เพราะมีบทเรียนมากมายมาแล้ว ถ้ารัฐบาลเริ่มประกาศรายละเอียดขั้นตอนการแจกเงินอย่างชัดเจนก็เข้าเงื่อนไข จะถูกตรวจสอบ ขัดขวางทันที

"ถ้ารัฐบาลประกาศจะทำจริงตามความกล้าที่พูดนั้น ก็ลงมือเลย ประกาศเลย ไปศึกษาทำไม เพราะนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงต้องศึกษามาก่อนหน้าแล้ว และยังบอกที่มาของเงินกับ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ตอนประกาศนโยบายหาเสียง ดังนั้น จึงเกิดสงสัยว่า เพื่อไทยคิดอะไรอยู่ เมื่อต้องการใช้แค่ 6 เดือนไปสร้างบล็อกเชนทำไม สิ่งนี้ทำให้มองเห็นเส้นทางพร้อมร่องรอยแฝงเร้นได้อย่างดีว่า อะไรจะเกิดขึ้น”

นายจตุพร สงสัยว่า พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ พร้อมจะมาเสี่ยงชีวิตในโครงการดิจิทัลหรือไม่ และจะยอมตายทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากโครงการนี้ต้องเป็นมติ ครม.และถ้าผิด คนโหวตมติให้ต้องโดนความผิดด้วย และอาจทั้ง ครม. ถ้ากล้าเสี่ยงไปกับพรรคเพื่อไทย

รวมทั้งกล่าวว่า ในแวดวงการเมืองเริ่มประเมินกันว่า การแจกเงินดิจิทัลจะเป็นจุดแตกหักของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างสำคัญ เพราะพรรคอื่นจะไม่กล้าเสี่ยง เนื่องจาก ปปช.ตั้งกรรมการศึกษาเพราะได้กลิ่นไม่ดี พร้อมยังจะเตือนรัฐบาลเหมือนเตือนโครงการรับจำนำข้าว เรื่องเหล่านี้จะมีผลทางการเมืองและความผิดอาญาด้วย ถ้าโหวตสนับสนุนการแจกเงินดิจิทัล ดังนั้น จึงไม่มีใครต้องการเข้าคุกเหมือนนายบุญทรงและนายภูมิ สองอดีต รมต.พาณิชย์ ในสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ

"โครงการนี้ หากเพื่อไทยมั่นใจ ศึกษามาดีและประกาศช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้ว วันนี้คุณต้องบอกมาตรการมา มีขั้นตอนรายละเอียดต่างๆ ในการทำแล้ว แต่วันนี้ได้รู้ว่าถ้าประกาศให้สังคมรับรู้ จะถูกจับได้ แล้วยังจะโดนลากไปเอาผิดอีกไม่รู้กี่เรื่อง”

พร้อมทั้ง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยที่มอบให้นักการเมืองมาทำการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็เป็นคนไม่มีประวัติและประสบการณ์บอกถึงความสำเร็จในเรื่องการเงิน การคลัง ดังนั้น ถ้าไม่ฟัง ธปท. ไม่ไตร่ตรวจคำถาม 7 ข้อของอดีต ธปท. และยังไม่กล้าตอบคำถามอีกด้วย เอาแต่ออกท่วงทำนองว่า จะมีคนต้องการล้มรัฐบาล ซึ่งแถกไปเรื่อยเปื่อย

นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าการแจกเงินดิจิทัลเกิดความเสียหายขึ้น นักการเมืองต่างมาแล้วก็ไป ไม่รับผิดชอบ ดังนั้น จึงเสนอให้วางทรัพย์สินไว้เป็นเดิมพันค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หากพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า เป็นโครงการที่ดี ก็ควรรวบรวมทรัพย์มาวางการันตีกับ ปปช. จะทำให้สิ้นสงสัยได้ดีที่สุด

อีกทั้ง กล่าวว่า ถ้าต้องการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลอย่างโปร่งใสกระจ่างแจ้งแล้ว รัฐบาลควรเชิญ ผู้ว่า ธปท.และอดีตผู้ว่า ธปท. พร้อมผู้รู้ด้านการเงิน การคลังมาถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วถ่ายทอดสาธารณะให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งเป็นสิ่งดีและควรกระทำ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นควรตอบคำถาม 7 ข้อในแถลงการณ์ของอดีต ผู้ว่า ธปท.และนักวิชาการยิ่งจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น

"ไม่มีใครอิจฉาการแจกเงินหมื่นบาทกับประชาชนเลย ความจริงแล้วหากต้องการให้พรรคเพื่อไทยพังพินาศทางการเมืองก็ควรสนับสนุนให้ทำเลย เพราะอย่างไงก็พังอยู่แล้ว แต่เราไม่ต้องการให้วิกฤตเกิดซ้ำขึ้นมาทำให้บ้านเมืองเสียหายอีก