"จุลพันธ์" ชี้เงินดิจิทัลไม่มีเอกชนเกี่ยวข้อง ปัดใช้งบ 1.2 หมื่นล้านทำซุปเปอร์แอปฯ ย้ำมีกลไกรองรับความโปร่งใส

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวกระแสข่าวว่าค่าจัดทำแอปพลิเคชั่นสูงถึง 12,000 ล้านบาทว่า ไม่มีทาง ฟังแล้วก็ยังตลกอยู่เลย ไม่มีแอปพลิเคชั่นไหนพัฒนาในราคานั้น เมื่อถามว่า การทำแอปฯ ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ รมช.คลังระบุว่า ไม่กล้าตอบตัวเลขที่ชัดเจน แต่เท่าที่ทราบไม่ได้มากอะไร ทั้งนี้จะให้ธนาคารกำกับของรัฐเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนจะเป็นธนาคารใดจะขึ้นอยู่กับสมาคมธนาคารของรัฐหารือกันอีกครั้ง โดยไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง หรือให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายในการทำแอปยังไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้ ซึ่งต้องรอการหารือก่อน

โดยเหตุผลที่ไม่ใช้แอปเป๋าตัง เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันในเรื่องของการกำหนดเงื่อนไข อย่างน้อยต้องมีการจัดเก็บข้อมูลเพื่อยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ยืนยันมีกลไกรองรับความโปร่งใส ซึ่งเงื่อนไขต่างๆจะเป็นกลไกใหม่ของรัฐในการผลักดันเม็ดเงินลงไปในระบบ ทำให้กำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น ขอยืนยันว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง SME การท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้การใช้เงินของรัฐตรงตามเป้าหมาย ทั้งนี้ประชาชนที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการ รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้นั้น จำเป็นต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตน (KYC) เนื่องจากมีกรอบกฎหมายเป็นตัวกำหนด เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์และพิสูจน์ว่ามีตัวตนจริงตามบัตรประชาชน โดยขณะนี้ในเรื่องเม็ดเงินยังไม่สามารถชี้แจงว่าจะมีการกู้มาจากธนาคารหรือไม่

สำหรับเรื่องกังวลว่าจะซ้ำรอยกับโครงการจำนำข้าวหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า โครงการนี้เป็นกลไกที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือและยังหาช่องว่างในการทุจริตได้ รวมถึงเรื่องร้านค้าแรกเข้าต้องจ่ายร้อยละ 3 นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่า โครงการนี้สามารถดำเนินการสำเร็จอย่างแน่นอน