จากกรณี เมื่อวันที่ 18 ต.ค.66 สื่อมวลชน ได้มีการนำเสนอเปิดเผยเรื่องราวชีวิต นายอนุชา  หรือน้อย อายุ 42 ปี ชาวอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก อดีตพลทหารดีเด่น ผลัด 2/2545 สังกัด กองทัพบก เข้าประจำการ กองพันทหารราบ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ผู้เคยรับใช้ประเทศชาติ สร้างคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน หลังปลดประจำการได้กลับคืนสู่ภูมิลำเนาเกิด อำลาชีวิตจากกองทัพบกมายาวนานถึง 20 ปี ก่อนจะมาพบอยู่ในสภาพ นอนหลับใต้ท้องรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จอดริมถนนสุขุมวิท ชุมชนบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เหลือเงินติดตัวเพียง 2 บาท โดยยึดอาชีพเก็บของเก่าข้างถนนขาย สร้างรายได้หล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งภาพที่ปรากฏ ได้สร้างความเวทนาใจให้กับผู้พบเห็น และชื่นชมในหัวใจยอดนักสู้ ที่ไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้ร่างกายที่ประสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถกลับมาดำเนินชีวิตเป็นปกติ


     คืบหน้าล่าสุด วันที่ 20 ต.ค.66 พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการเร่งด่วนให้ พลโท ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 พลโท ไกรภพ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า นำกำลังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดชลบุรี และมณฑลทหารบกที่ 14 ร่วมกับ น.ส.วลีพร อินอนงค์ ผู้ใหญ่บ้านบางเสร่หมู่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือ นายอนุชา ชื่นวงค์ อดีตพลทหารผู้รับใช้ชาติ ในสังกัด กองทัพบก ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนเก็บขยะขายในอำเภอสัตหีบ อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นขวัญกำลังใจ ที่จะเป็นแรงพลังให้ก้าวเดินต่อไป


    ในการนี้ กองทัพบก ได้มอบหมายให้ พันเอก จักรพงศ์ พันธุ์มงคล รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 และรอง ผอ.รมน.จว.ชลบุรี เป็นตัวแทนมอบเงินช่วยเหลือรวมกว่า 10,000 บาท มอบถุงยังชีพ และนำรถยนต์ มาทำการเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พร้อมนำตัว นายอนุชา เดินทางกลับสู่บ้านเกิด ส่งมอบคืนสู่อ้อมอก นางบุญช่วย ชื่นวงค์ อายุ 65 ปี มารดาผู้ให้กำเนิด หลังได้พลัดพรากขาดการติดต่อมานานนับปี


    นายอนุชา ได้กล่าวแสดงการขอบคุณกองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนเองไม่คิดว่าจะมีวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนฝันไป รู้สึกภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้เกิดมาเป็นชายชาติทหาร แม้วันนี้ได้จากกองทัพบกมายาวนานถึง 20 ปี เมื่อหน่วยที่เคยประจำการ รับรู้ถึงความยากลำบาก ก็ยังติดตามมาให้การช่วยเหลือในทุกด้าน ที่สำคัญ คำสอนของผู้บังคับบัญชา เป็นสติเตือนใจให้ตัวเองคิดถึงครอบครัว และคิดถึงแม่ที่จากมานานร่วม 3 ปี ได้แวะเวียนกลับไปปีละครั้ง แต่ไม่มีโทรศัพท์ติดต่อหากัน 
    และกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางออกจากบ้านเกิด มายึดอาชีพเก็บของเก่าขายในพื้นที่ห่างไกล เพราะไม่อยากให้แม่เห็นตนเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ และไม่อยากให้แม่ต้องอับอายผู้คน จึงต้องจำใจจากแม่มา ส่วนพ่อเสียชีวิตแล้ว ในวันนี้ รู้สึกผิดที่คิดเช่นนั้น ห่วงแต่อนาคตตนเองจนมารู้ว่า ทุกนาทีที่จากมา แม่เป็นห่วงและคิดถึงตนเองมาก ซึ่งตนเองขอสัญญา จะทำหน้าที่ความเป็นลูก ดูแลแม่ให้ดีที่สุด ไม่ทิ้งแม่ให้ต้องอยู่เพียงลำพังอีกแล้ว


    พันเอก จักรพงศ์ พันธุ์มงคล รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 กล่าวว่า หลังทราบข่าวเรื่องราวชีวิตของอดีตพลทหาร ที่ผจญชะตาชีวิตอย่างยากลำบาก ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีความห่วงใย สั่งการในทันที ให้หน่วยงานเร่งออกตามหาตัวให้พบ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 วัน ได้ลงพื้นที่ตามหากันอย่างไม่หยุดหย่อน จนมาพบตัวในที่สุด 


    และกล่าวว่า อดีตพลทหาร อนุชา ชื่นวงค์ แม้จะปลดประจำการมายาวนานถึง 20 ปี แต่ถือเป็นชายชาตินักรบ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เคยเสียสละเข้ามารับใช้ประเทศชาติ และสร้างคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน คุณงามความดีที่ได้กระทำนั้น ถูกจารึกเป็นเกียรติประวัติ ยังตราตรึง และยังคงเป็นที่จดจำ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะพลทหาร หรือข้าราชการคนใดก็ตาม ที่เคยรับใช้ประเทศชาติ รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน กองทัพบก ไม่เคยทอดทิ้ง พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ และอยู่เคียงข้างตลอดไป