เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Somchai Swangkarn" ระบุข้อความว่า

#กู้มาแจก

#รู้ทัน #แจกเงินดิจิทัล  #เพื่อใคร

#หวังยืมมือสภาศาลคว่ำ

เอกสารประกอบนโยบายที่พรรคเพื่อไทยยื่นชี้แจงต่อกกต.ว่า

ทีมาของเงินที่จะใช้ดำเนินการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาท โดยจะใช้การบริหารงานงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษี ได้แก่

 1)ประมาณการรายได้ปี2567ที่เพิ่มขึ้น 260,000ล้าน

 2)ภาษีที่ได้เพิ่มขึ้น 100,000 ล้าน

 3)การบริหารจัดการเงินกู้110,000ล้าน

 4)การจัดการงบประมาณสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000ล้าน

สรุปว่าที่มาของเงินไม่ใช่การดำเนินการตาม4ข้อข้างต้น

หากแต่ชัดเจนว่าเป็นการกู้มาแจก” #กู้มาแจก

โดยการออกพรบเงินกู้600,000ล้านดังกล่าวซึ่งไม่ตรงกับรายงานที่เคยแจ้งไว้เป็นหลักฐานต่อกกต  ดังนั้น เป็นเรื่องที่กกต คงจะต้องตรวจสอบอีกครั้งให้ชัดเจน ว่า เข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้างทั้งทีีมาของเงินไม่เป็นตามที่แจ้งต่อกกต หรือจะเข้าข่าย “สัญญาว่าจะให้หรือไม่”

การเลือกวิธีการจะตราเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินตามมาตรา 53 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา140 นั้น อาจทำได้  แต่ก็หาใช่ว่า กฎหมายมาตรา53นี้จะอนุญาตให้ทำได้ทุกกรณี

เพราะมีเงื่อนไขกำกับไว้ชัดเจนว่า ให้ทำได้โดยมี4เงื่อนสำคัญคือ

 1)เร่งด่วน 2)ต่อเนื่อง 3)เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ 4)ไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน

*สรุปว่า ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆเลย ทั้งเรื่องความเร่งด่วน หรือความต่อเนื่อง

เพราะจ่ายเงินออกครั้งเดียว5แสนล้านไม่ต่อเนื่อง มีที่ต่อเนื่องคือการต้องใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

หรืออ้างว่า เพื่อแก้วิกฤตประเทศ ข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีวิกฤตร้ายแรง เช่นสงคราม/โรคระบาดโควิด/วิกฤติต้มยำกุ้ง ฯลฯเมือนอดีตที่ผ่านมา

ส่วนข้ออ้างที่ไม่อาจตั้งพรบงบประมาณทัน ยิ่งเห็นชัดครับว่า ขณะนี้ พรบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน3.48ล้านล้านบาท ยังไม่ผ่านเข้าสภาเลย จะอ้างว่า ตั้งงบประมาณไม่ทันได้อย่างไร

เว้นแต่จะตั้วไม่ได้ผิดในหลักสำคัญคือ บริหารจัดการตัดลดงบประมาณไม่ได้และไม่อาจเพิ่มโครงการเข้าไปรวมในพรบงบประมาณ2567 ได้

*เพราะจะเพิ่มงบประมาณปี67 มากขึ้นสูงกว่า 4 ล้านล้านบาท

“ด้วยเหตุนี้เมื่อจะผลักดันทุรังทำต่อจึงต้องแตกออกเป็นพรบงบประมาณ 3.48ล้านล้านบาทและพรบเงินกู้ 6แสนล้านบาท ”

ลึกๆแล้ว  คงมีการคาดหวังอาศัยให้คณะกรรมการกฤษฎีกา  รัฐสภา สส สวศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยโต้แย้งและล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้

ด้วยการคว่ำร่างพรบเงินกู้นี้แทน

เหตุเพราะนโยบายที่เคยหาเสียงแล้วทำไม่ได้จริงกระมัง

#เลิกดันทุรัง