วันที่ 17 พ.ย.66 ที่ บช.สอท.พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปณิธาน ยามานนท์ ผกก.2 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน อ้างเป็น จนท.การไฟฟ้า โอนเงินหายกว่า 1.83 ล้าน

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องมีผู้เสียหายแจ้งว่า มีมิจฉาชีพติดต่อผู้เสียหาย ผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า แจ้งว่า “คุณมีสิทธิ์รับเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” โดยได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชั่น และทำการแสกนใบหน้า

โดยหลังจากทำการแสกนใบหน้า ได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมารวมไว้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นบัญชีของผู้เสียหายเอง หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายเข้าไปตรวจสอบยอดเงินในบัญชี พบว่าเงินในบัญชีได้โอนไปยังบัญชีอื่น โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้ทำการโอนแต่อย่างใด จึงได้แจ้งความออนไลน์เอาไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ซึ่งมีลักษณะเป็นการหลอกลวงโดยให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ 

ต่อมาวันที่ 13 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ มักจะมางมหาหอยขม อยู่บริเวณสถานีรถไฟศาลายา ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบบุคคลลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหา ยืนอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟศาลายา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ชาว จ.นครปฐม ในฐานความผิด "ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมีได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับบัญชีม้า จำนวน 10 หมาย จับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วรวม 4 หมาย 
หมายจับที่ 1 จับกุมที่ จ.นครปฐม
หมายจับที่ 2 จับกุมที่ จ.กรุงเทพมหานคร
หมายจับที่ 3 จับกุมที่ จ.กรุงเทพมหานคร
หมายจับที่ 4 จับกุมที่ จ.สระแก้ว

ในส่วนที่เหลือจะได้เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมดรวมทั้งจะได้สืบสวนสอบสวนขยายผลในขบวนการต่อไป