วันที่ 6 ธันวาคม 2566 เวลา 14.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ชาวบ้านเรือเมล์คลองด่าน รวมตัวกันประท้วงวัดปากน้ำภาษีเจริญ  แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ฯ โดยรวมตัว กันบริเวณท่าน้ำ วัด ปากน้ำภาษีเจริญ ได้ใช้เรือหางยาวจำนวน 6-7 ลำ เข้าปิดท่าน้ำ ประท้วงภายในวัด ว่าทำไมถึงปิดท่าน้ำไม่ให้เรือเมย์ ทำมาหากินรับนักท่องเที่ยวแต่ทางวัดทำไม่ต้องเอานักท่องเที่ยวแอบไปขึ้นอีกท่าเพื่อต้อนขึ้นเรือของทางวัดเอง 

โดย นางสาวอุมาพร  อายุ 39 ปี กล่าวว่า เมื่อก่อนนี้เขาเปิด แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่งเขาปิดขึ้นมา ให้ใช้ท่านอกท่าเดียว แล้วทีนี้ทั้งเรือด่วน และ เรือแท็กซี่ เรือสองตอน ก็มาต้องมาใช้ท่าเดียว ทั้งๆที่มีท่าข้างในผลกระทบก็คือว่า แทนที่กระจายเรือแท็กซี่กับเรือเล็กที่จะมาส่งลูกค้าท่าข้างในได้ กลับไม่ได้ แล้ววัดบอก ปิดปรับปรุง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นจะปรับปรุง เพราะว่ามีการปรับปรุงไปแล้ว คือสงสัยว่า วัดปิดท่าเรือทำไม ทั้งๆที่มันจะสามารถช่วยเหลือ ชาวเรือได้

ซึ่งบางลำมาส่งลูกค้า ข้างนอกรีบกัน เรือต่อกันเป็นสิบยี่สิบลำ คนก็หล่นน้ำบ้าง แทนที่จะกระจัดกระจายท่าเพื่อให้เรือได้มาส่งด้านใน กลับกลายต้องเป็นเดือดร้อนส่งท่าเดียวก็คือว่ามันเกิดผลกระทบหลายๆอย่าง ดังนั้นจึงอยากให้ทางวัดได้เปิดให้ใช้ท่าน้ำได้  อบ่างเช่นในช่วงวันลอยกระทงก็จะเปิดประมาณ 3 ทุ่มแล้วก็ปิดต่อทั้งๆที่แบบคนก็มารอลอยกระทงกันตอนช่วงหัวค่ำก็ไม่เปิดมาเปิดดึกๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาดูบารมีขององค์พระใหญ่ วัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยมกันมาก  ไม่ใช่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไปลงเรือของทางวัดฝ่ายเดียว

ส่วนด่าน นายมณี   อายุ 42 ปี คนขับเรือเมล์ที่เคยรับนักท่องเที่ยวบริเวณท่าเรือดังกล่าวอยู่เป็นประจำและเป็นคนแรกๆที่เข้ามาเทียบท่ารับนักท่องเที่ยวนั้น เล่าว่า ตนเองเป็นคนแรกๆที่นำเรือเข้ามาเทียบท่ารับนักท่องเที่ยวบริเวณท่าน้ำ วัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยปกติแล้วท่าเรือ ก็จะเปิดให้เรือเมล์ต่างๆเข้ามารับนักท่องเที่ยวกันได้แต่เมื่อทางวัด กับพระบางรูปที่ซื้อเรือมารับนักท่องเที่ยวเองโดยปิดท่าน้ำไม่ให้เรือเมล์ที่สัญจรไปมารับนักท่องเที่ยวได้โดยครอบครองเป็นของตัวเอง 

รวมไปถึงชุดเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อสีเขียวคอยต้อนนักท่องเที่ยวลงเรืออีกท่า ทำกันเป็นขบวนการ จน เรือเมล์ ที่สัญจรไปมา ขาดรายได้ และ ไม่สามารถ มาจอดเรือรับนักท่องเที่ยวบริเวณท่าน้ำวัดดังกล่าวได้ พอทางพวกเราจะขึ้นไปรับนักท่องเที่ยวก็ให้ตำรวจมาจับมาไล่ออกจากวัด ทำให้พวกเราเลยไม่มีที่ทำมาหากิน เพราะวันๆนึงผมวิ่งเรือได้แค่ 2-3 รอบเองส่วนเรือของทางวัดจะได้วิ่ง ก็ 20-30 รอบ

ซึ่งในวันนี้ที่พวกเรามาประท้วงเพื่อให้ทางวัดเปิดท่าน้ำเพื่อที่จะได้รับนักท่องเที่ยว เป็นการ ช่วยเหลือกัน และจากการที่เราไปสอบถามเรือของทางวัดก็รับสารภาพว่าเป็นเรือของทางวัดจริง ได้จ้างตนกับลูกเรืออีก 1 คน เป็นค่าจ้างรายได้เดือนละ 15,000 บาทต่อคน