หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แถลงผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ปี 2022 จากผลการประเมิน PISA 2022 ของประเทศไทย พบว่าเป็นคะแนนที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี!

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก วันนั้นเมื่อฉันสอน โพสต์ข้อความระบุว่า...

ทำไมคะแนน PISA ต่ำสุดในรอบ 20 ปีผมจะตอบให้

1.ครูคนเดียวสอนทุกวิชาไม่ให้ความสำคัญกับวิชาเอก อยู่กับฝันหลอก ๆ ว่าครูทำได้ทุกอย่างโดยที่ไม่สนความจริง เอาครูคณิตไปสอนไทยเอาครูไทยไปสอนอังกฤษ เอาครูอังกฤษไปสอนวิทยาศาสตร์ วิชา พละศึกษาไม่ให้ความสำคัญเล่นไปตามมีตามเกิดเด็กไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ

2.ครูไม่ครบชั้น ครูคนเดียวสอน 2 ชั้น 3 ชั้น สอนทุกวิชา ทุกชั่วโมงโดยไม่มีหยุดพัก

3.ครูต้องทำทุกอย่างในโรงเรียน เช้ายืนเวร เที่ยงตักข้าว ขายของสหกรณ์ บ่ายแปรงฟันเลิกแถวปล่อยเด็กกลับบ้าน งานภาคสนามซ่อมท่อ ตัดหญ้าไฟฟ้าถ้าไม่มีภารโรงก็ต้องทำ

4.เด็กจะอ่านไม่ออกก็ได้เลื่อนชั้น บางครั้งเด็กไม่ได้เรียนกับครูที่เชี่ยวชาญตรงสาย สุ่มครูผู้สอน วัดดวงกับโชคชะตาไม่ใช่ทุกโรงที่จะมีเอกไทย

5.การทดสอบที่เอื้อให้เกิดการโกงสอบ เช่น ให้ครูคุมเอง ส่งข้อสอบมาให้ก่อนใน RT NT คุมเองตรวจเอง ไม่ได้ออกแบบระบบที่ดี เช่นสอบธรรมมะเอาข้อสอบมาให้ลอกตอบเลย ทำจนเป็นเรื่องปกติ

6. ระบบที่พูดความจริงไม่ได้ หากรายงานตามจริงว่ามีเด็กอ่านไม่ออกเยอะก็ถูกเพ่งเล็ง ปล่อยเกรดให้เกรดสูงจะได้จบปัญหาจนไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง

7.เวลาสอนของครูถูกดึงออกนอกห้องเรียนไปทำสิ่งต่าง ๆ เดินขบวน อบรมตรวจเยี่ยมร่วมถ่ายรูป ต้อนรับ ปฏิคม บริการ

8.ความเหลื่อมล้ำและแตกต่างกันของโรงเรียนราวฟ้ากับเหวจำนวนนักเรียนต่อห้องที่มากกว่า 25 คน คุมคุณภาพไม่ได้ ครูไม่มีเวลาตรวจงานหรือตรวจได้ไม่ละเอียดเพราะจำนวนที่มาก

9.จำนวนวิชาที่มากมายแต่ไม่มีครูผู้สอน นึกอยากให้สอนให้เสริมอะไรก็สั่งก็เน้นมาแต่ไม่ส่งคนมาให้ เพิ่มงานไม่เพิ่มคน

10.การเร่งเรียนความยากของวิชา ป.1 เจอข้อสอบที่อ่านแล้วตีความหมายวนไปวนมาจนออกเป็นข่าว แบบเรียนที่ยากบทแรก

"ใบโบก ใบบัว" แทนที่จะสอนให้อ่านแบบไม่มีตัวสะกดก่อนเช่น

" ตา มา นา" ส่งผลให้เด็กเกิดความเครียด บางคนร้องไห้หากไม่มีผู้ปกครองสอนการบ้าน

11.ครูอนุบาลบางแห่งคนเดียวเลี้ยงเด็ก 3 ระดับ 1-3 ทั้งที่เด็กมีพัฒนาการต่างกันเพราะครูไม่ครบชั้น ลองจินตนาการว่าเด็ก 3 ขวบ 5 ขวบอยู่ในห้องเดียวกันจะสอนยังไงเอาแค่ลูกหลานตัวเองเป็นอย่างไร แต่ครูต้องรับทั้งหมด

12.ครูป.1 จะเป็นใครก็ได้ ไม่มีระบบฝึกหัดมีแต่ระบบจับยัดและคาดหวังว่าครูจะสอนได้ บรรจุใหม่ ย้ายมา จับลงป.1 ให้หมดโดยไม่มีครูพี่เลี้ยง

13. ไม่มีระบบฝึกงานที่ดี การเงิน พัสดุ ต้องทำแต่มหาลัยไม่มีสอน เรียนอีกอย่างทำงานอีกแบบ ลองผิดลองถูกเองงมเอง จนเกิดความเครียดทำให้ครูย้ายมากกว่าจะอดทนต่อสู้กับความบิดเบี้ยวเพราะเปลี่ยนมันไม่ได้

14. ความก้าวหน้าในวิชาชีพที่ไม่ได้ผูกติดกับการสอน สอนดีไม่สู้รายงานดีประเมินเด่น ไม่สอนไม่ติดคุก ไม่ทำเอกสารตามระเบียบติดคุก ไม่มีคนช่วย

ถนนทุกสายวิ่งมาที่ครู

15.กิจกรรมดึงครูออกนอกห้องเรียนมีมหาศาลมีแต่เพิ่มไม่มีลด ทุกอย่างสำคัญหมด ยกเว้นการเรียนในห้องเดี๋ยวหยุดครึ่งวันเต็มวัน รับนโยบายใหม่แต่ไม่ได้ปล่อยนโยบายเก่า

16.ภาระงานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการสอนเช่น เวรยามไม่เคยยกเลิกได้ ไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหา ไม่สนว่าประเทศอื่นเป็นอย่างไรวันหยุดครูต้องมาทำสิ่งพวกนี้ยิ่งโรงเรียนเล็กจับหารวันเวรแล้วได้มากเพราะไม่มีคนมาแบ่ง คิดว่าราชการอื่นก็ต้องทำแบบเดียวกันทั้งที่เนื้องานเวรของครูไม่มีนักเรียนเป็นเพียงแค่ยาม

สนับสนุนถึงการอยู่เวร แต่เมื่อพูดถึงค่าตอบแทนไม่ให้

17.อาหารกลางวันให้ครูทำ ไม่ทำก็ต้องมีส่วนร่วมไม่ทางหนึ่งก็ทางใด ไม่เตรียมหั่นประกอบก็ต้องทำเอกสาร ไม่เคยตั้งคำถามว่าเมื่อครูต้องไปทำงานข้างนอกครูบางคนต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารเวลานั้นใครสอนแทน

18.เด็กพิเศษที่ไม่มีการช่วยเหลือที่ทั่วถึง ครูพี่เลี้ยงเด็กพิการก็สอนเหมือนครูปกติเพราะครูไม่พอจะเอาไปลงแค่เด็กพิเศษไม่ได้เกิดเป็นปัญหาไม่ได้รับการพัฒนาเฉพาะด้านเป็นปัญหาสังคม ก่อกวนและอยู่ร่วมเด็กปกติไม่ได้

19.ไม่มีบุคลากรสายสนับสนุน รัฐไม่กล้าลงทุน ภารโรงธุรการเกษียณตัดตำแหน่ง เมื่อไม่มีคนทำครูก็ต้องมาจัดการ การสอนเอาไว้ทีหลัง

ครูสอนควบชั้น ผอ.ควบโรงเรียน ธุรการควบโรงเรียน ภารโรงรอวันตัดตำแหน่ง

20.ครูไม่ได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของเด็ก แต่ต่อสู้กับระเบียบ ระบบ เอกสารการประเมิน สำรวจ รายงาน โครงการต่าง ๆ ที่ลงมาโรงเรียนต้องให้เด็กใส่เสื้อสีนั่นนี่เพื่อสร้างภาพเพื่อรายงานตามตัวชี้วัด

21.เทคโนโลยีสนับสนุนการสอนไม่มี ครูใช้เงินส่วนตัวซื้อคอมพิวเตอร์ไอแพดมาช่วยสอน ปากกาปลั๊กพ่วง ไมโครโฟนอยากสบายหาเองแอพตรวจข้อสอบ เครื่องถ่ายเอกสารดีดี ไม่ได้มีทุกโรงครูต้องหาเครื่องปริ้นเองปริ้นจนเครื่องพัง

22.หวังพึ่งแต่ความเสียสละของครู ครูต้องใช้รถส่วนตัวมาวิ่งรับส่งนักเรียนตามงาน อุทิศเวลาให้ราชการ ไม่ได้มองครูในฐานะมนุษย์

23.การโยกย้าย หล่นหายก่อนได้เติบโต ไม่มีสวัสดิการบ้านพักหลายคนต้องเช่าบ้านอยู่ในโรงเรียนเล็ก ไม่มีแรงจูงใจให้พัฒนา ภาระงานที่หนักเมื่อเจอปัญหาทำได้เพียงอย่างเดียวคือถึงเวลาก็โยกย้าย โรงเรียนเผชิญการเปลี่ยนแปลงทุก 2 ปีขาดความต่อเนื่อง

ใครมีตรงไหนเพิ่มได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะต้องส่งเสียงอีกกี่ครั้งจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือเราต้องยอมรับสภาพจริง ๆ ว่าการศึกษาบ้านเรามาได้เท่านี้

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก วันนั้นเมื่อฉันสอน