เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4 นำกำลังเจ้าจับกุมน.ส.สุพัตรา จันทร์สวัสดิ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.ราชบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 10 ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี

 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 มีผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง แจ้งว่าผู้เสียหายมีชื่อเป็นผู้ส่งพัสดุไปยัง จ.เชียงราย โดยอ้างว่าข้างในพัสดุประกอบด้วยหนังสือเดินทางของชาวพม่า จำนวน 12 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม 9 ใบ, สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหาย จำนวน 3 เล่ม และสมุดบัญชีเงินฝากของผู้อื่นจำนวน 6 เล่ม ถูกอายัดไว้ที่ศุลกากรแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งผิดกฎหมายและจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

 

โดยหลอกให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ“สภ.แหลมฉบัง” โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. ประจำ สภ.แหลมฉบัง จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายพูดคุยวีดีโอคอลทางไลน์กับชายอีกคนที่อ้างว่าเป็น ผกก.สภ.แหลมฉบัง แล้วส่งรูปภาพถ่ายของชายวัยกลางคน ว่ามีคดีข้อหาคดีฟอกเงินและค้ายาเสพติด โดยคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายมีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชี 3 บัญชี และแจ้งว่าเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ให้โอนเงินในบัญชีทั้งหมดของผู้เสียมายังบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี “น.ส.สุพัตรา” ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะทำการโอนคืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ดำเนินการโอนเงินไปยังหมายเลขบัญชีดังกล่าวเป็นจำนวนเงินกว่า 3 แสนบาท หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกับไลน์ชื่อว่า“สภ.แหลมฉบัง” ได้อีกเลย จึงคิดว่าถูกพวกมิจฉาชีพหลอก จึงได้เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับติดตัวทั้งหมด 3 หมาย ได้หลบหนีมาอยู่ที่บ้านเช่าในจังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุม 

 

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับว่าตนเองคือบุคคลตามหมายจับนี้จริง แต่ตนเองไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อปี 65 แม่ของตนป่วยต้องการใช้ถังออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจ มีคนรู้จักรับว่าจะช่วยเป็นธุระจัดหาถังออกซิเจนให้ แต่ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยไปแสดงเป็นหลักฐานในการของยืมถังออกซิเจนจากโรงพยาบาล เนื่องจากช่วงนั้นแม่ของตนเองป่วยหนักตนเองจึงตัดสินใจนำบัตรประจำตัวประชาชนของตนและของแม่ เพื่อให้ช่วยดำเนินการ ซึ่งมีแค่เหตุการณ์เหตุการเดียวที่ตนเองนำบัตรไปให้แก่บุคคลอื่น และตนเองก็ไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ผู้อื่นเลย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิด ก่อนคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป