วันที่ 14 ธ.ค.66 ที่ บก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย  ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 เปิดเผยว่า บก.สส.ภ.2 ได้ให้ความสำคัญกับคดีอุจฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ รวมถึงคดีค้างเก่าที่ยังตามจับกุมไม่ได้ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอุจฉกรรจ์และสะเทือนขวัญที่ยังจับกุมไม่ได้ทั้งหมด จนกระทั่งได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายเสมาหรือหนู อิงธนะ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตราดที่ จ.102/2554 ลงวันที่ 11 พ.ย.2554 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” หนึ่งในผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอุจฉกรรจ์และยังจับกุมตัวไม่ได้นั้น หลบหนีซ่อนตัวอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย

 จากการสืบสวนมาตลอด พบว่าภายหลังจากที่ นายเสมาหรือหนูฯ ได้ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ที่ จ.ตราด แล้ว ได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ และได้ก่อเหตุฆ่าผู้อื่นอีก 1 คดี ในวันลอยกระทง ปี 2555 ซึ่งได้มีการออกหมายจับไว้เพิ่มเติมอีก 1 หมาย ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 594/2555 ลงวันที่ 30 พ.ย.2555 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” หลังจากนั้นได้หลบหนีจาก จ.นครสวรรค์ ลงไปทางภาคใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยได้พยายามติดตามจับกุมมาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถจับกุมได้ เป็นเวลานานกว่า 12 ปี

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ด้วยความพยามติดตามมาโดยตลอดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบภาค 2 ได้สืบสวนและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว จนทราบว่า นายเสมาหรือหนูฯ หลบหนีไปอยู่ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จึงส่งทีมงานไปสะกดรอยและสามารถจับกุมตัว นายเสมาหรือหนูฯ ได้ในที่สุด ซึ่งระหว่างการจับกุม ได้ตรวจค้นพบอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ซึ่ง นายเสมาหรือหนูฯ พกไว้ติดตัวอีกด้วย ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบภาค 2 ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามหมายจับ ที่ สภ.เมืองตราด และได้ทำการแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ทำการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีอีก 1 หมายจับในคราวเดียวกัน ส่วนอาวุธปืนของกลางได้ตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อทำการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป