เมื่อเวลา13.30 น. วันที่ 15 ธ.ค.66 ที่บช.สอท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษา รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม ,อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1  พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท.พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2, พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด ,พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รองผบก.สอท.1 ร่วมกันแถลงข่าว ผลการระดมกวาดล้างภัยอาชญากรรมออนไลน์ 4 ผลการ ปฏิบัติการ โดยจับกุมผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก

นายประเสริฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ เร่งรัดสั่งการให้ทุกภาคส่วนบูรณาการกำลังในการกวาดล้างจับกุมภัยออนไลน์ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งทางกระทรวงฯได้ประสาน ข้อมูลการปฏิบัติกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และทาง บช.สอท. เพื่อดำเนินการในส่วนดังกล่าว กระทั่งพบว่าจากข้อมูลสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของศูนย์ AOC 1441 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลังได้รับความเดือดร้อนกรณีสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ได้สินค้าไม่ตรงปก และไม่ได้สั่งสินค้า แต่มีการเก็บเงินปลายทางสูงเป็นอันดับ 1 จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนหาข่าว 

กระทั่งพบว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการที่สั่งสินค้าแต่ได้สินค้าไม่ตรงปก ถูกส่งมาจาก แอพพลิเคชั่น MY ORDER จึงได้ประสานไปยัง เจ้าของแพลตฟอร์ม  จนพบว่ามีผู้ใช้บัญชีรายหนึ่งที่เข้าข่ายลักษณะต้องสงสัยได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีพฤติกรรมส่งสินค้าไม่ตรงปก อีกทั้งผู้ให้บริการได้ทำการอายัดบัญชีกว่า 700,000 บาท  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการออกหมายค้นและตรวจสอบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ก่อนจับกุมนายอนุศาสน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี  ในความผิดผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ 

จากการตรวจค้นบ้านดังกล่าวพบพัสดุที่กำลังรอจัดส่งอีกทั้งพบสินค้าของใช้ต่างๆที่กำลังรอแพคลงกล่อง อาทิ ครีมบำรุงผิว,ครีมหมักผม,รองเท้า,กระดาษทิชชู สายชาร์จโทรศัพท์ ,ขนมผักผลไม้อบกรอบ แก้วน้ำเก็บความเย็น จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์ในการไลฟ์สดอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้านดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึด สอบสวน ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริงโดยรับสินค้ามาจำหน่ายจากประเทศจีน จากนั้นได้นำมาจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าโดยการไลฟ์สดผ่านแอพพลิเคชั่น TikTok  ซึ่งหากลูกค้ามีการสั่งสินค้า แต่ตนหาไม่ทันก็จะส่งสินค้าอื่นๆที่เกรดต่ำกว่า หรือสินค้าไม่ได้คุณภาพไปแทน 

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ทางบช.สอท. ยังจับกุมแก๊งแอปดูดเงินตามแนวชายแดน โดยพฤติกรรมอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อ แล้วแอดไลน์เพื่อส่งลิงก์ให้กดดาวน์โหลดแอปหน่วยงานของปลอม ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุมโทรศัพท์ทางไกล แล้วหลอกให้ผู้เสียหายใส่รหัสผ่าน เพื่อที่คนร้ายจะได้โอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียจนหมด โดยขบวนการกลุ่มนี้ได้สร้างความเสียหายรวมกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งจากการสืบสวน พบว่าขบวนการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงหลายคดีในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเงินที่หลอกลวงผู้เสียหายถูกโอนต่อกันเป็นทอดๆ และเงินสดได้ถูกถอนออกในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารที่ใช้ในการกระทำความผิดรวมกัน ตั้งแต่เดือน มกราคม-ตุลาคม กว่า 670 ล้านบาท ก่อนทำการจับกุมชายชาวกัมพูชา เดินข้ามชายแดนมา และถือบัตร ATM 4 ใบ มากดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม พบของกลางที่เป็นเงินสด 1 แสนบาท และเงินในบัญชีอีกกว่า 5 ล้านบาท และเมื่อตำรวตตรวจสอบในฐานข้อมูลระบบบริหารคดีออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าบัญชีธนาคารตามบัตรได้ถูกนำไปใช้เป็นบัญชีที่รับโอนเงินจากการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายคดีและเกี่ยวเนื่องกันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จากการสืบสวน ออกหมายจับ 26 หมาย จับกุมแล้ว 13 หมาย แบ่งเป็นคนไทย 12 คน เป็นบัญชีม้า และ 1 คน ชาวกัมพูชา ทำหน้าที่ตระเวณกดเงิน  โดยทั้ง 13 คน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าหน้าที่ ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน  ร่วมกันฉ้อโกง สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานฟอกเงิน โดยหลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลถึงเส้นทางการเงินว่ามีการโอนไปยังบุคคลใด หรือส่งต่อไปยังประเทศไหนอีกหรือไม่ 

นอกจากนี้ ยังมีการปฏิบัติการจับกุมอีก 2 คดี ได้แก่ การลักลอบซื้อขาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยจับกุมนายปฏิพัทธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ได้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวน 11 รายการ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจับกุมนายปานเพชร และนางสาวธัญญารัตน์ ในความผิดฐาน รวมกันเป็นผู้ใช้และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก ได้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านรามอินทรา โดยทั้ง 2 คน ทำหน้า ไปกดเงินจากบัญชีม้า เพื่อไปจ้างแอดมินเว็บโป๊ในออนไลน์ โปรโมทเว็บพนัน พบมีกดเงินสดจากบัญชีม้า 73 ใบ มียอดเงินหมุนเวียนเดือนละประมาณ 20 ล้านบาท หลังจากนี้ จะขยายผลหากระบวนการดังกล่าว

นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับและสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิด เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ รวมถึงจัดตั้งศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ที่ร่วมกันหน่วยงานอื่นๆ ทั้งธนาคาร กสทช. ตำรวจ ในการประสานข้อมูลเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดดังกล่าว