สลดใจชาวเล แค่ซ่อมบ้านยังถูกห้าม อูรักลาโว้ยหลีเป๊ะกว่า 70 ชีวิตเดือดร้อนหนัก ร้องตำรวจ-ทหารคุ้มครอง หลังถูกเอกชนอ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินขู่ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2559 ที่สถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่ายอำเภอเมือง จังหวัดสตูล ชาวเลอูรักลาโว้ยกว่า 70 คน ได้ร่วมกันยื่นหนังสือถึงสารวัตรสถานีตำรวจเกาะหลีเป๊ะ เพื่อร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คุ้มครองความปลอดภัยระหว่างการซ่อมแซมบ้านเรือน ของชาวเล เนื่องจากขณะนี้ชาวเลจำนวน 75 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนเรื่องบ้านที่อยู่อาศัยมีความชำรุด ทรุดโทรม แต่เมื่อซ่อมแซมกลับถูกคุกคาม นางแสงโสม หาญทะเล ตัวแทนชาวเล กล่าวว่า การยื่นหนังสือวันนี้เป็นผลสืบเนื่องภายหลังจากตัวแทนชาวเลได้นำเสนอปัญหาดังกล่าวในประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงใน ที่อยู่อาศัยพื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีพลเอกสุรินทร์ พิกุลทองเป็นประธาน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยทางที่ประชุมได้มีมติให้ฝ่ายปกครองและฝ่ายท้องถิ่นเกาะหลีเป๊ะ ดำเนินการเจรจากับผู้ที่มีหลักฐานเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพื่ออนุญาตให้ชาวเลได้ซ่อมแซมบ้านให้ถูกสุขลักษณะ และสามารถดำเนินการได้ภายใต้ความปลอดภัย นางแสงโสม กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ฝนตกหนัก ชาวเลหลายคนอยู่ในบ้านหลังเก่า มีสภาพหลังคารั่วซึมพื้นบ้าน ทรุด หรือผุพังไปตามกาลเวลา ทำให้ชาวเลเดือดร้อน ไม่สามารถพักอาศัยในบ้านอย่างปกติ ชาวเลจึงต้องซ่อมแซมบ้าน แต่ช่วงที่ผ่านมาการซ่อมบ้านของชาวเลไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากถูกพนักงานหรือลูกจ้างของเอกชนที่ถือเอกสารสิทธิ์ห้าม และบางส่วนถูกทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ชาวเลต้องแจ้งความกลางดึก ทำให้การซ่อมบ้านจึงต้องระงับ ไป ทางตัวแทนชาวเลจึงต้องหันมาพึ่งฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทั้งตัวแทนทหารและตำรวจรับเรื่องไว้แล้วโดยทำหน้าที่ไกลเกลี่ย แต่ให้ชาวเลดำเนินการในส่วนของการประสานงานกับจังหวัดเพื่อนัดวันเจรจาให้โดยเร็วที่สุด “เจ้าของที่อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินบางรายยอมให้ซ่อมได้ แต่ว่าต้องไม่ใช่ซ่อมถาวร ให้ใช้วัสดุชั่วคราว แต่ถ้าสร้างชั่วคราวบ้านจะไม่ทัน ชาวเลต้องเสียเงินกันหลายครั้ง อย่างวันนี้มีชาวเล 1 คน ชื่อสมพงษ์ สุวรรณกูล ถูกเอกชนแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ซ่อมแซมบ้าน บนที่ดินที่โดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของที่ดิน โดยเอกชนรายนี้บอกว่าขอเวลาคุยกับชาวเลคู่กรณีเป็นการส่วนตัวเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้สร้างถาวร แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาเจรจา จึงขอร้องให้ชาวเลระงับการซ่อมบ้านไว้ก่อน และขอนัดให้คำตอบว่าจนกว่าจะถึงวันที่ 7 สิงหาคม หลังลงประชามติเสร็จ เอกชนเจ้าของที่จะให้คำตอบที่แน่ชัดว่าซ่อมได้หรือไม่ ซึ่งไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง เพราะชาวเลคนนี้ต้องการสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง เนื่องจากบ้านพังแล้ว เพราะเป็นบ้านเก่าที่ได้รับมาจากแม่ยาย และหากไม่ซ่อมหรือทำใหม่บ้านก็จะพังลงในที่สุด” นางแสงโสม กล่าว ด้านนางนิอร เกาะแก้ว ชาวเลเกาะหลีเป๊ะอายุ 43 ปี กล่าวว่า บ้านของตนขณะนี้มีปัญหาสภาพบ้านเอียง พื้นไม้พัง หลังคารั่ว ต้องเอาอ่างมารองน้ำฝนและทยอยอุดรอยรั่วตามสภาพ เพราะสร้างมาแล้วนานกว่า 23 ปีห้องน้ำใช้ไม่ได้เพราะบ่อน้ำเสียตื้นเขิน ทำให้มีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน ตนจึงอยากจะเปลี่ยนหลังคาและปูพื้นบ้านใหม่แต่ทำไม่ได้เพราะเอกชนเจ้าของที่สั่งห้าม “บ้านหลังนี้มีฉัน มีสามี และลูก 2 คน อาศัยอยู่ มันนานมากแล้ว ตอนแรกที่สร้างบ้านหลังนี้ได้รับอนุญาตจากแม่ แต่แม่ไม่ได้บอกว่าสร้างในที่ดินของใคร ขณะนั้นชุมชนหลีเป๊ะเป็นป่า เราจะสร้างตรงไหนก็ได้ แต่ต่อมาการท่องเที่ยวเติบโตก็กลายเป็นว่าเป็นบ้านในกรรมสิทธิ์เอกชน ตอนนี้ฉันกับสามีเก็บเงินจากการรับจ้างรายวันมานานกว่า 10 ปี หวังว่าจะใช้เงินก้อนนี้ซ่อมแซมบ้านแต่ทำไม่ได้ เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง เพราะทุกคนกลัวอำนาจคนมีอิทธิพล” นางนิอร กล่าว