วันที่  20  ธ.ค.66 ที่ ภ.จว.นครศรีธรรมราช ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,          สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.ภจว.นศ. นำโดย พ.ต.ท.นพเสถียร สิงห์สุขพนธ์ รอง ผกก.สส.ภ.
จว.นศ. (หัวหน้าชุด ศปจร.ภ.จว.นศ.) พ.ต.ท.ศุภกร พรหมทอง,ร.ต.อ.ธัชชัย คงนก,ร.ต.อ.ขยัน ทองมี, ด.ต.พิศิษฐ์ ครรชิต, และ จ.ส.ต.ศุภชัย รสชื่น  จับกุม
พ.ต.ท.นพเสถียร  กล่าวถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์, รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ออกปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามจับกุม รถที่สวมป้ายทะเบียนปลอมภาษีปลอมและการใช้เอกสารราชการปลอมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรม ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 14.00น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ พบรถยนต์ ยี่ห้อISUZUรุ่นD-MAX สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน(ป้ายแดง)ระบุเลข ท-7777 กทม. ​​​​​​​
จากการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่มีลายตราประจำกรมการขนส่งทางบกซึ่งเป็นป้ายแดงปลอมที่ไม่ได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก ต่อมาได้มีนายปรเมศวร์(ขอสงวนนามสกุล)รับว่าเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงขอตรวจสอบเอกสารคู่มือรถและสมุดคุมประจำตัวรถประกอบป้ายแดงแต่ผู้ต้องหาไม่สามารถนำมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบป้ายแดงอย่างละเอียดอีกครั้งพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวมี ตรา ขส.ที่มุมด้านล่างขวาในแผ่นป้ายทะเบียนแต่ไม่มีลายตราประจำกรมการขนส่งทางบกและไม่ปรากฏหมายเลขประจำแผ่นป้ายทะเบียนประกอบกับด้านหลังแผ่นป้ายทะเบียนไม่ปรากฎตราอักษร ขส.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบหมายเลขตัวถังจากระบบCRIME ผ่านข้อมูลยานพาหนะกรมการขนส่งทางบก จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวยังไม่ได้จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแต่อย่างใด จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าตนได้ซื้อรถยนต์มาและไม่ได้นำรถไปจดทะเบียนภาษี จึงไม่ได้แผ่นป้ายทะเบียนรถจากกรมการขนส่งทางบก ตนจึงได้ติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ กทม.ให้สั่งทำแผ่นป้ายและส่งป้ายทะเบียนป้ายแดงปลอม ซึ่งไม่ได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก มาให้ใช้ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ปลอมและใช้เอกสารราชปลอม”และแจ้งสิทธิตามกฎหมายจากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีฯเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป