วันที่ 20 ธ.ค.66 ที่ ป.ป.ส.พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงยุติธรรมทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ครั้งที่ 3/2566 โดยมีนายอำนาจ เหล่ากอที ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. ผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนอัยการสูงสุด ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนอธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ผ่านระบบการประชุม Webex และสำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด โดยต้องดำเนินการในทุกมิติ ทั้งนี้ในด้านการปราบปรามยาเสพติด ให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด และขยายผลยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งสรรพกำลังที่ปฏิบัติงานดังกล่าวต้อง มีคุณภาพ เท่าทันผู้ค้ายาเสพติดในปัจจุบัน ในการนี้ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5 (15) คณะกรรมการ ป.ป.ส. มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาอนุมัติหรือมอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาการกลั่นกรองคุณสมบัติบุคคลและพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด สังกัด สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมเป็นจำนวน 6,185 ราย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับ ป.ป.ส. โดยเฉพาะในมิติเรื่องการยึดอายัดทรัพย์ เมื่อเรามีเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตามประมวลกฎหมายเพิ่มมากเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจยึดอายัดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติดได้เร็ว
นอกจากนี้ ตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อลดปัญหายาเสพติด นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งมาตรการเร่งด่วนคือการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน และมาตรการเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย การแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปฏิบัติการตามมาตรการ จะยิ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัว สามารถเข้าถึงพื้นที่ชุมชนได้รวดเร็ว ช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถช่วยกันดูแลชุมชน แจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ 1386 ตลอดเวลา