​ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ   รอง ผกก.2 บก.ทล.​เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. (นครปฐม) นำโดย พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.,ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์,ร.ต.อ.เอกกฤษณ์ ขุนรักพรหม, ร.ต.ต.ฉลาด ใจแก้ว รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล., ด.ต.จักรพงศ์ พุฒตาล, จ.ส.ต.ฐณรัช นาคนาโส ผบ.หมู่ ส.ทล.1กก.2 บก.ทล.
​เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ขุนทะเล นำโดย พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ บัวขาว ผกก.สภ.ขุนทะเล, พ.ต.ท.เวทิศ ปานชาตรี รอง ผกก.สส.สภ.ขุนทะเล, พ.ต.ท.จรูญ รอดพันชู สว.สส.สภ.ขุนทะเล, ด.ต.กิตติพงศ์ หมั่นไชย, ส.ต.อ.มณฑล เครือทอง ผบ.หมู่ สส.สภ.ขุนทะเลร่วมกันจับกุม นายวิชัยฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ จ.436/2566 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหลอกลวง นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”


พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้เมื่อต้นปี พ.ศ.2566 ที่ สภ.ขุนทะเล  จ.สุราษฎร์ธานี ว่าได้มีคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อมาหาผู้เสียหาย โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งให้ผู้เสียหายอัปเดตสถานะบริษัทของผู้เสียหาย โดยคนร้ายได้แอดไลน์ติดต่อมาพูดคุยกับผู้เสียหาย ใช้ชื่อไลน์ว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมกับตั้งภาพโปรไฟล์เป็นโลโก้ของหน่วยงานดังกล่าว หลังจากนั้นคนร้ายได้แนะนำตัว พร้อมส่งข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทของผู้เสียหาย ซึ่งตรงกับข้อมูลจริงของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายได้ให้    ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนที่คนร้ายบอกเพื่ออัปเดตสถานะบริษัทฯ โดยได้มีการส่งลิงก์มาให้กด และเเจ้งให้ผู้เสียหายกดปุ่มต่างๆ ตามที่คนร้ายบอก ซึ่งภายหลังจากที่ผู้เสียหายกดตามที่คนร้ายบอกแล้ว ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ของผู้เสียหายค้างเป็นสีเทาทันที ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ แต่สายโทรไลน์ที่คนร้ายโทรติดต่อมาหาผู้เสียหายยังสามารถพูดคุยกันได้อยู่ คนร้ายจึงอ้างว่าอยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการอัปเดตข้อมูล ซึ่งภายหลังจากที่คนร้ายวางสายไป โทรศัพท์ของผู้เสียหายจึงสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ผู้เสียหายจึงรีบตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารของตน จนกระทั่งพบว่า มีเงินจำนวน 50,000 บาท ถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย   หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้เข้าเเจ้งความดำเนินคดี
 
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า บัญชีที่ใช้ในการรับโอนเงินของผู้เสียหาย เป็นบัญชีของนายวิชัยฯ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเเละขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ขุนทะเล สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม จึงได้มีการประสานมายังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตำรวจทางหลวงนครปฐม ให้ช่วยลงพื้นที่ติดตามจับกุม      ผู้ต้องหา ซึ่งภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตำรวจทางหลวงนครปฐมสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ขณะนั่งอยู่บริเวณริมถนนเลียบคลองชลประทานบ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน          สภ.ขุนทะเล จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
จากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด โดยเชื่อว่าตนถูกสวมรอยเปิดบัญชี เนื่องจากเคยทำบัตรประชาชนหาย
 
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนในกรณีที่ท่านทำบัตรประชาชนสูญหาย ขอให้ท่านรีบดำเนินการเข้าทำบัตรประชาชนใหม่ในทันที เนื่องจากการทำบัตรประชาชนใหม่จะทำให้บัตรประชาชนที่สูญหายถูกระงับการใช้งาน ไม่สามารถนำไปสวมรอยใช้แอบอ้างแทนท่านได้ ทั้งนี้หากพบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้บัตรประชาชนของท่าน ขอให้ท่านเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจใกล้บ้านในทันที หลังจากนั้นให้นำบันทึกประจำวันดังกล่าวไปแจ้งกับธนาคาร เพื่อป้องกันการถูกแอบอ้าง  หรือสวมสิทธิ์บัตรประชาชนอีกทางหนึ่ง