"บิ๊กโจ๊ก" สั่งทีมงานรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายเรียก "แม่สื่อจีน" สอบปากคำ หลัง "พริตตี้สาวสวย" ร้องเอาผิดอดีตสามีชาวจีน-แม่สื่อจีน มั่นใจ "ขบวนการล่าลูกชาย" หลังแต่งงานได้ลูกสาว  สามีชิ่งหายเข้ากลีบเมฆ ส่วนแม่สื่อหนีออกคอนโด ปัดความรับผิดชอบ

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. น.ส.เนย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พริตตี้สาว มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกแก๊งคนจีนวางแผนจัดหาหนุ่มชาวจีนมาคบหาจนเตรียมงานแต่งงานและตั้งครรภ์ จากนั้นไปพบแพทย์อัลตราซาวด์พบว่าได้บุตรสาว จึงแจ้งข่าวดีกับฝ่ายชาย แต่พอฝ่ายชายรู้ว่าตั้งครรภ์ได้ลูกสาว จึงได้บินกลับไปที่ประเทศจีน อ้างว่ากลับไปทำงาน จากนั้นขาดการติดต่อ จึงเชื่อว่าเป็นการวางแผนหลอกลวงโดยทำเป็นขบวนการนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย พา น.ส.เนย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พริตตี้สาวผู้เสียหาย เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยดำเนินคดีอดีตสามีชาวจีน เนื่องจากล่าสุดยังพบผู้เสียหายเป็นหญิงไทยถูกล่าลูกชายลักษณะนี้จำนวนมาก จึงขอให้ รอง ผบ.ตร. ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงไทยตกเป็นผู้เสียหายในอนาคต

นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า จากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตนและหลายฝ่ายมองว่าเป็นขบวนการล่าลูกชายของชาวจีน เพราะก่อนหน้านี้ตนได้พูดคุยกับทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ โดยทนายมีเพื่อนที่ทำบริษัททัวร์เกี่ยวกับคนจีน และเพื่อนคนที่ทำทัวร์ก็ยืนยันว่าปัจจุบันนี้มีคนจีนบางกลุ่มมีแนวคิดล่าลูกชาย เนื่องจากผู้หญิงจีนเริ่มแต่งงานยากขึ้น จึงมองหาผู้หญิงในแถบทวีปเอเชีย เช่น หญิงชาวไทย หญิงชาว สปป.ลาว เป็นต้น โดยเมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงประเทศไทยก็จะหาหญิงชาวจีน ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานเพื่อมารับหน้าที่เป็นแม่สื่อให้ และติดต่อผู้หญิงไทยโดยอ้างว่ามีญาติหรือนักธุรกิจชาวจีนที่รู้จัก อยากมีครอบครัวกับหญิงไทย อยากแต่งงานกับหญิงไทย จึงเริ่มมีการประสานพูดคุยกัน กระทั่งเคสของคุณเนย มีการพูดคุยกับชายจีนรายนี้ได้ 2 เดือนทางแอปพลิเคชันวีแชต (We Chat)  มีการวิดีโอคอลพูดคุยกันมาต่อเนื่องจนนัดพบและเที่ยวกันในประเทศไทยช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งคุณเนยก็ได้พาครอบครัวของตัวเองไปพบกับฝ่ายชาย ขณะที่ฝ่ายชายพาแม่สื่อจีนมาพบพูดคุยกันเรื่องการแต่งงาน และตกลงกันว่าจะมีการแต่งงานกันในช่วงเดือน ก.ย. ต่อมาชายชาวจีนก็เดินทางกลับประเทศจีน และช่วงปลายเดือน มิ.ย. คุณเนยก็ตั้งครรภ์และได้บอกกล่าวแม่สื่อและฝ่ายชาย โดยแม่สื่อชาวจีนก็ได้โน้มน้าวให้คุณเนยไปพบแพทย์เพื่อตรวจและอัลตราซาวด์ อีกทั้งยิ่งเข้าใกล้วันแต่งงานเท่าไร ทางแม่สื่อจีนและฝ่ายชายก็รบเร้าอยากให้คุณเนยทราบเพศลูกไวๆ แต่ทางแพทย์ก็บอกว่าจะรู้เพศลูกก็ตอนปลายเดือน ก.ย. ทำให้ฝ่ายชายขอเลื่อนงานแต่งออกไปเป็นเดือน ต.ค. แทน เพื่อขอรู้เพศลูกก่อน โดยอ้างว่าติดธุระ ซึ่งคุณเนยก็ไม่คิดอะไร ยอมเลื่อนงานแต่ง ต่อมาสิ้นเดือน ก.ย. จึงได้อัลตราซาวด์ทราบเพศลูกสาว ได้บอกแก่แม่สื่อชาวจีนและสามี แต่กลับไม่ได้ดีใจ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

จากที่เคยพูดคุยกันทุกวัน เริ่มห่างเหินและค่อยๆหายไป จนคุณเนยไปสอบถามกับแม่สื่อชาวจีน แม่สื่อกลับตอบว่า มันอยู่ที่คุณเนยเองที่ได้ลูกสาว ทำไมจึงไม่ได้ลูกชาย จึงถูกบอกปัดทั้งหมด อีกทั้งแม่สื่อยังบอกคุณเนยว่าที่ผ่านมาหญิงไทยที่เคยติดต่อให้ชาวจีนก็ได้ลูกชายหมดเลย ทำให้ผู้เสียหายมองว่านี่อาจเป็นขบวนการล่าลูกชาย ทั้งนี้ ภายหลังจากที่คุณเนยใช้ความกล้าหาญออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของชาวจีน ตนคาดว่าจะยังมีหญิงไทยอีกจำนวนมากที่อาจได้รับการกระทำลักษณะดังกล่าวแต่ไม่มีความกล้าที่จะดำเนินคดีเอาผิด จึงขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ช่วยดำเนินการตรวจสอบ

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า จากเรื่องดังกล่าวตนไม่อยากให้ตำหนิเหยื่อ เพราะอาจมีหญิงไทยที่ถูกหลอกในลักษณะนี้อีกมาก และตนยังได้ข้อมูลจากกลุ่มคนไทยที่ทำทัวร์กับนักท่องเที่ยวจีน พบว่าคนจีนมักจะหาหญิงไทย หน้าตาดี ครอบครัวดี หรือเรียกว่าเป็นแม่พันธุ์ดีมาทำในลักษณะนี้ อีกทั้งล่าสุดเพจสายไหมต้องรอดของเรายังได้รับการขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยรายหนึ่ง ซึ่งได้พาลูกชายไปพบกับครอบครัวของสามีชาวจีนที่ประเทศจีน แต่กลับถูกยึดพาสปอร์ต และไล่ให้หญิงไทยกลับ แต่จะเอาลูกชายไว้ที่ประเทศจีน ทำให้หญิงไทยกังวลความไม่ปลอดภัย จึงพาลูกชายหลบหนีไปซ่อนตัวในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตนจะประสานเรื่องความช่วยเหลือต่อไป ตนมองว่าขบวนการนี้ไม่ธรรมดา และจะมีอัตราสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยและหญิงไทยอย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนขอฝากประชาสัมพันธ์ แม้ชาวจีนจะเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย แต่ก็มีคนจีนที่เข้ามาประกอบอาชีพผิดกฎหมายในไทยเยอะมาก ซึ่งตนก็ได้กำชับตำรวจ ตม. ให้ตรวจสอบการเดินทางเข้า-ออกของชาวจีนในราชอาณาจักรไทย รวมถึงพฤติกรรมของจีนเทาและจีนดำ เพราะถึงแม้การปราบปรามอาชญากรรมเรื่องการอุ้มบุญจะเริ่มคลี่คลายลงจากการบังคับใช้กฎหมายอุ้มบุญ แต่ขบวนการนี้ก็มีแผนประทุษกรรมใหม่ๆคอยเปลี่ยนแปลงให้หลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดีเสมอ อย่างไรก็ตาม ในเคสนี้ ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด และจะรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายเรียกแม่สื่อชาวจีนรายนี้ เพื่อสอบถามข้อมูลทั้งหมด ทั้งการเข้ามาพำนักในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเวลาใด ใช้วีซ่าประเภทใด ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ใดบ้าง ประกอบอาชีพอะไร รวมถึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอดีตสามีของผู้เสียหายได้อย่างไร ซึ่งถ้าพบความผิดเข้าองค์ประกอบกฎหมายมาตราใด จะดำเนินการพิจารณาเอาผิดทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน เพื่อไล่เรียงพฤติการณ์ รวมถึงจะเรียกสอบปากคำพยานที่พักอาศัยในคอนโดดังกล่าวและเคยถูกแม่สื่อจีนรายนี้ชักชวนด้วย

ขณะที่ น.ส.เนย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า แม่และน้องสาวตนพักอาศัยอยู่ที่คอนโด ศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ซึ่งมีแม่สื่อรายดังกล่าว (น.ส.เหยี๋ยน เจ้า) อายุ 42 ปี พักอาศัยอยู่ และพยายามตีสนิทนาน 2-3 ปี ก่อนแนะนำ Mr.Zhang (หรือนายจาง) ให้ครอบครัวตน เพื่อให้ได้พูดคุยสานสัมพันธ์กัน โดยตนได้รู้จักกับนายจางเมื่อเดือน เม.ย. และได้เจอตัวจริงท่องเที่ยวในไทยด้วยกันเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนเตรียมแต่งงานกันในเดือน ก.ย. และนายจางขอเลื่อนไปแต่งงานในเดือน ต.ค. เพื่อขอรู้เพศลูก ซึ่งปัจจุบันตนตั้งครรภ์ลูกสาวได้ 6 เดือนแล้ว และมีกำหนดคลอดในเดือน ก.พ.67 แต่อาจคลอดก่อนกำหนดได้ เพราะตนมีความเครียดสูงจากเรื่องที่เกิดขึ้น และจนถึงวันนี้อดีตสามีก็ไร้การติดต่อต่อเนื่อง ส่วนแม่สื่อชาวจีนทราบว่าย้ายไปอยู่คอนโดอาร์ทิมิส สุขุมวิท ทั้งยังพูดกับตนก่อนหนีไปด้วยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองแค่เป็นคนแนะนำชายจีนให้ จะมีความผิดได้อย่างไร ทำให้ตนกังวลว่าเขาจะลอยนวลจากพฤติกรรมเสียหายเหล่านี้ ส่วนคอนโดศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ที่แม่สื่อจีนได้พักอาศัย เขาได้ปล่อยให้คนอื่นเช่าแทน เพราะแม่สื่อจีนรายนี้รวยมาก ซื้อคอนโดด้วยเงินสดกว่า 10 แห่ง 

น.ส.เนย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ของแม่สื่อจีนที่ผ่านมา เขาพยายามนำเสนอชายชาวจีนให้ตนหลายคน และอยากให้ตนลองพูดคุยกันกับคนที่เขาแนะนำ เพราะจะได้มีครอบครัวได้แต่งงาน อีกทั้งตนยังได้รับข้อมูลมาว่ามีหญิงไทยประมาณ 2 ราย ในคอนโดดังกล่าวเคยถูกแม่สื่อจีนรายนี้มีพฤติกรรมลักษณะมาก่อน ตนจึงคิดว่าไม่ได้มีเพียงตนคนเดียว จึงขอให้ รอง ผบ.ตร. ช่วยทำความจริงให้คลี่คลายและเอาผิดกับขบวนการนี้

 

#บิ๊กโจ๊ก #แม่สื่อจีน #ขบวนการล่าลูกชาย