วันที่ 10 มกราคม 2567 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำวันนี้คือต้องไปยื่นขอถอนทนายความชุดของนายชัยวัฒน์ อดีตที่ปรึกษาทางกฎหมายในคดีแตงโมออก โดยทำตามคำร้องและมีแม่แตงโมลงนามเรียบร้อย หลังจากนั้นจะแต่งตั้งทนายความคนใหม่เข้าไป รับผิดชอบคดีที่ฟ้องกระติก แซน จ็อบและจำเลยอีก 1 คน ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งจะมีการขอคัดถ่ายเอกสารคำฟ้องต่างๆ ในสำนวน ซึ่งศาลจะนัดพิจารณาคดีวันที่ 23 มกราคมนี้ โดยมีการสอบพยานไปแล้วประมาณ 30 ปาก ยังเหลืออีกประมาณ 20 ปาก 

ทั้งนี้ตนเองขอยืนยันว่าแม่แตงโม แต่งตั้งตนเองเป็นทนายความแล้ว ส่วนเรื่องสัญญาว่าจ้างทนายและค่าตอบแทน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่โดยทั่วไปคดีลักษณะนี้จะมีค่าจ้างทนายตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตามส่วนตัวยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกร้องเงิน 30% จากยอดเงินเยียวยาเหมือนทนายชุดเก่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การรับทำคดีครั้งนี้ เป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ลงตัวหรือไม่ ทนายเดชายืนยันว่าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ แต่เพราะตนเองเห็นใจแม่แตงโมที่ถูกหลายคนรุมกระทำ และก็ไม่หวั่นว่าจะถูกฉีกสัญญาเลิกจ้างแต่อย่างใด

ส่วนคดียักยอกทรัพย์ ก็รับเป็นทนายความเช่นกัน ซึ่งจะมีการขอให้ตำรวจออกหมายเรียกปอ และ โรเบิร์ตมาเป็นพยาน เรื่องสาเหตุการโอนเงิน ซึ่งสอดคล้องกับที่แม่แตงโมเล่าให้ฟัง และเรียกนายเอ็มมาสอบปากคำ โดยยืนยันว่าคดีนี้มีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะคลิปวิดิโอตอนทำสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยกับนายชัยวัฒน์แค่เพียงในรายการ แต่นายชัยวัฒน์ยังไม่รับสารภาพว่ายักยอกเงิน อ้างแต่ว่าแม่แตงโมเป็นลูกหนี้ ส่วนสัญญาว่าจ้างนายชัยวัฒน์เป็นที่ปรึกษาจัดหาทนายความให้ และจะได้ค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่งจากเงินเยียวยา 30% นั้น สัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาค้าความ เพราะการที่ไม่ใช่ทนายความ แต่รับจ้างจัดหาทนายความให้ และนำเงินมาแบ่งกันนั้น ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่สามารถกระทำได้

ส่วนเรื่องที่นายชัยวัฒน์กล่าวหาว่า แม่แตงโมมีความสัมพันธ์กับคุณช้าง บอร์ดี้การ์ด นั้น ทนายเดชา ยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ ผิดข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ ซึ่งหากแม่แตงโมและคุณช้างรู้สึกว่าได้รับความเสียหาย ก็สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ภายใน 3 เดือน รวมถึงนายชัยวัฒน์ควรออกมาขอโทษ สิ่งที่ทำควรรู้สึกละอาย ส่วนผิดจริยธรรมทนายความหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ทนายความ จึงไม่ผิด