ตามที่กรมบังคับคดีได้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้เสียหายถูกบุคคลที่มีชื่อสกุลเดียวกันสวมสิทธิ นำที่ดินขายทอดตลาด อันเกิดจากผู้เสียหายในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอาญาได้สืบหาทรัพย์สินของจำเลยและพบที่ดิน ซึ่งปรากฏชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ จึงได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดินดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา จนกระทั่งขายทอดตลาดทรัพย์ได้และนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและคืนเงินส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยในคดีอาญาดังกล่าวไปแล้ว นั้น

ล่าสุด วันที่ 10 ม.ค.67 นางเพ็ญรวี มาแสง รองอธิบดีกรมบังคับคดี โฆษกกรมบังคับคดี กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ผู้เสียหายในคดีอาญาในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีจำเลยในคดีอาญามาตั้งแต่ต้น ย่อมทราบรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวจำเลยทั้งหมด จึงเป็นหน้าที่ของผู้เสียหายในคดีอาญาในการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินว่าเป็นของจำเลยในคดีอาญาหรือไม่ก่อนที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์สิน ซึ่งหากมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการนำยึดทรัพย์สินที่ไม่ชอบ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมต้องเป็นผู้รับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 

นอกจากนี้ในการยึดทรัพย์สิน ขายทอดตลาด รวมทั้งการจัดทำบัญชีแสดงรายการรรับจ่ายเงิน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้กับจำเลยในคดีอาญาทราบทุกครั้ง แต่จำเลยในคดีอาญาก็ไม่เคยมาแสดงตนหรือโต้แย้งคัดค้านว่าที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นไม่ใช่ของตน และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จนำส่งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งขณะนี้กรมบังคับคดีกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาดำเนินการเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อไป    
 
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล  หรือขอรับคำปรึกษา เกี่ยวกับ กฎหมาย ขั้นตอนในการบังคับคดีแพ่ง บังคับคดีล้มละลาย การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และ การวางทรัพย์ ได้ที่ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ หรือโทร 0 2881 4999 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th