ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.กรมสรรพสามิต นำโดย ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต, ว่าที่ร้อยตรียงยุทธ ภูมิประเทศ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต, นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม, นายวิโรจน์รัตน์ แจ่มวรรณา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตรวจสอบสรรพสามิต, นางสาวปารณีย์ ขุนวงษ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม 2  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. โดย พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.นรุตม์โชติ แตงเจริญ, ร.ต.ต.คณาธิป สงพิมพ์ รอง สว.(ป) กก.2 บก.ปอศ., ด.ต.นพดล กั้งสกุล, จ.ส.ต.นิติธร ปานพวงแก้ว ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม นายตะวัน (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน 1. “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ  2. “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนหรือผู้ใดขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 


 
​พร้อมด้วยของกลาง 1. บุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 4,881 คอตตอน จำนวน 48,810 ซอง หรือ 976,000 มวน 2. รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กค-3678 จันทบุรี 3. รถยนต์ กระบะ ตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน บพ-7008 จันทบุรี ใช้เป็นยานพาหนะในการขนส่ง สถานที่จับกุมไปรษณีย์ไทย พื้นที่ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 09.30 น.
 
พฤติการณ์ กองกำกับการ 2 บก.ปอศ. ได้มีการดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ในการป้องกันและปราบปรามสินค้าหนีภาษี เลี่ยงภาษี โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และภาษีสรรพสามิต เป็นเหตุให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ และได้รับความเสียหายมาโดยตลอด ซึ่งต่อมาได้ดำเนินการขยายผล กรณีที่ได้ทำการจับกุมนางศันสนี หรือเจ๊เพ็ญฯ ซึ่งเป็นผู้ค้าบุหรี่ต่างประเทศรายใหญ่ย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนั้น ตรวจยึดบุหรี่ต่างประเทศได้จำนวน 40 ลัง หรือประมาณ 20,973 ซอง ซึ่งมีวิธีการคือ นำส่งบุหรี่ต่างประเทศมาบรรจุในกล่องพัสดุไปรษณีย์ จากนั้นจึงได้ร่วมกันเฝ้าสะกดรอยและติดตาม และได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าบุหรี่ที่มีการจำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ได้ร่วมกันจับกุมก่อนหน้านี้นั้นมีที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งบุหรี่ที่มีการลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฏหมายและมีบุหรี่บางรายการเป็นบุหรี่ปลอมซึ่งมีจำนวนหลายรายการ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวนและเฝ้าติดตามกลุ่มเครือข่ายที่ได้สืบสวนมาก่อนหน้านี้ และพบว่าในการขนส่งจะมีวิธีการในหลบเลี่ยงการจับกุมคือ เมื่อมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่จากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ทางกลุ่มขบวนการดังกล่าวจะรีบนำมาคัดแยกใส่กล่องพัสดุ โดยการนำมาบรรจุใส่ในกล่องพัสดุไปรษณี เป็นจำนวนหลายๆกล่อง ให้มีลักษณะคล้ายกับกล่องพัสดุโดยทั่วไป เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและจับกุมจากเจ้าหน้าที่ จากการเฝ้าติดตามพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวจะนำบุหรี่ฯ ส่งมายัง ไปรษณีย์ไทย ในบริเวณ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เป็นประจำเกือบทุกวัน สลับหมุนเวียนกันไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต จึงได้ทำการวางแผนและเฝ้าสะกดรอยติดตามเพื่อจับกุมตัว และพบข้อมูลเชิงลึกว่าในการขนส่งบุหรี่ฯ ดังกล่าว ทางกลุ่มขบวนการจะใช้รถยนต์จำนวน 2 คัน คือ รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กค-3678 จันทบุรี จะใช้ในการดูต้นทางและบรรทุกบุหรี่ฯบางส่วนไว้ และ รถยนต์ กระบะ ตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน บพ-7008 จันทบุรี (ของกลางจากการตรวจยึดในคดีนี้) ใช้เป็นยานพาหนะในการขนส่งบุหรี่ ไปยังไปรษณีย์เพื่อส่งให้กับลูกค้า สำหรับรถยนต์กระบะดังกล่าวเดิมมีหมายเลขทะเบียนอีกหมายเลขหนึ่ง แต่ได้มีการเปลี่ยนป้ายทะเบียน เป็นแผ่นป้ายตามที่ตรวจยึด เพื่อหลบเลี่ยงและทำให้ยากต่อการติดตามจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้สะกดรอยติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คัน อย่างใกล้ชิด ออกมาจากจุดคัดแยกและบรรจุพัสดุ ในพื้นที่ห่างจากพรมแดนระหว่างประเทศ ประมาณ 10 กิโลเมตร จนสามารถติดตามจับกุมได้พร้อมด้วยของกลาง เป็นบุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 4,881 คอตตอน (จำนวน 48,810 ซอง หรือ 976,200 มวน มูลค่าความเสียหายคิดเป็นภาษี ประมาณ 45,597,780 บาท นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการหลายราย มีเงินหมุนเวียนใน 1 ปี ที่ผ่านมา มากกว่า 40 ล้านบาท จากนี้จะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการ ต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ซื้อบุหรี่มาจากหญิงชาวกัมพูชา ชื่อเล่นว่า “เจ๊โอน” (ไม่ทราบชื่อ - สกุลจริง) โดยสั่งซื้อมาครั้งละ ประมาณ 50-100 กล่อง (ประมาณ 4,000 -6,000 คอตตอน) โดยสั่งซื้อต่อสัปดาห์ ประมาณ 3-4 ครั้ง จากนั้น “เจ๊โอน” จะว่าจ้างให้รถบรรทุกขนส่งเอกชนส่งบุหรี่มายังบ้านพักของตน ซึ่งอยู่ในสวนลำใย จากนั้นจะนำบุหรี่ฯที่ได้มาบรรจุใส่กล่องพัสดุ ไปรษณีย์ ให้ดูเหมือนกล่องพัสดุโดยทั่วไป และจะกระจายบุหรี่ นำส่งลูกค้าตามที่ได้สั่งซื้อ สำหรับรถยนต์กระบะ ตู้ทึบที่ใช้ขนนั้น จะมีการหมุนเวียนสลับเปลี่ยนป้ายทะเบียนอยู่เสมอ และในการขนส่งบุหรี่แต่ละรอบจะมีรถยนต์ อีก 1 คัน เพื่อดูต้นทางเพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุม