วันที่ 17 ม.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000บาท ผ่านระบบดิจิทัล วอลเล็ต ที่มีน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธาน ว่า ตนยังไม่เห็น เท่าที่ทราบว่ารายงานดังกล่าวยังไม่เป็นทางการ  

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่หลายคนระบุว่าเนื้อหามันน่าจะเป็นไปตามที่มีการเผยแพร่ออกมา ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลหวั่นไหวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ความจริงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท มีคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10000 บาทผ่าน Digital Wallet อยู่แล้ว ถึงอย่างไรถ้ามีความเห็นจาก ป.ป.ช.มา เขาจะต้องนำให้รัฐบาลและคณะกรรมการฯรับทราบ จะต้องผ่านอยู่ช่องทางนั้นมาก่อน

เมื่อถามว่า ความเห็นของ ป.ป.ช.จะมีน้ำหนักทำให้โครงการนี้เดินหน้าไปต่อได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องรับฟังทุกความเห็น ซึ่งตนมั่นใจว่าทุกนโยบายของรัฐบาลเป็นนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานความสุจริต ไม่มีใครที่จะกล้าจะตั้งนโยบายเพื่อตั้งใจที่จะทำทุจริต มันไม่ใช่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ด้วย มองความเห็นของ ป.ป.ช. ว่าเป็นความห่วงใยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียด ซึ่งถือว่าดีแล้วที่มีคนห่วงใย ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่มีผู้ให้ความสนใจและให้ความเห็นต่างๆ มา บางทีมันก็มีอะไรที่เรานึกไม่ถึง ยิ่งเราได้ข้อมูลมากเท่าไหร่เราก็สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจได้มากยิ่งขึ้น ต้องถือเป็นสิ่งที่ดี

เมื่อถามว่า ในรายงานของ ป.ป.ช.ดูแล้วค่อนข้างแรง จะทำให้โครงการนี้สะดุดได้เลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครได้อ่านเลยว่าเป็นอย่างไร เป็นการคาดเดากันไป แต่ถึงอย่างไรเราไม่ฟังไม่ได้หรอก เราต้องฟังความเห็นของ ป.ป.ช. ต้องดู ต้องอ่าน ซึ่งต้องมาดูว่ารัฐบาลมีเจตนาที่จะทำอย่างนั้นหรือไม่ อย่างเช่น ไปเอื้อใครหรือไม่ ถ้าไปเอื้อใครตนก็ไม่เอาด้วย และไม่มีใครเอาด้วย แต่ถ้าทำเพื่อประชาชน ทำตามนโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องพร้อมที่จะช่วยกันสนับสนุน ถ้าเราไม่สนับสนุนนโยบายอันนี้ แล้วถ้ามีนโยบายของอีกพรรคหนึ่งเขาไม่สนับสนุนบ้าง แล้วประชาชนจะได้อะไร ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ประชาชนก็เสียหาย ฉะนั้น เราต้องพิจารณาอย่างดี แต่ตนมั่นใจว่าการพิจารณาต้องดูในเรื่องของหลักธรรมาภิบาลหรือการไม่ทำผิดระเบียบ รัฐธรรมนูญ ไม่ทำผิดกฎหมาย มีอยู่แค่นี้ ถ้าผิดรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้ หรือผิดกฎหมายก็ทำไม่ได้ ใครอยากจะทำคงทำไม่ได้ เพราะคนส่วนใหญ่คงไม่ยอมให้ทำ อย่าไปซีเรียสจนเกินไปจนคนไม่กล้าคิดอะไรเลย