เมื่อวันที่ 18 ม.ค.67 พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เพ็ชรประกอบ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุสลิงรถเครนขาดมีคนงานเสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณถนนพระราม 2 ซอย 72 ใกล้กับหน้าเอส แอล.เค.สตีล จำกัด แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา หนูสลุง ผกก.สน.แสมดำ และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ช่วงขาเข้า บนนถนนพระรามที่ 2 ทางโค้งเลี้ยวออกถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างทางด่วนยกระดับพระราม 2 พบรถเครนขนาดใหญ่ ยี่ห้อ Tanado สีเหลือง ท้ายมีเลขทะเบียน TR-5049 จอดอยู่ ตรวจสอบพบกระเช้าเหล็กลักษณะเป็นลูกกรง สี่เหลี่ยมไม่มีฝาปิด ขนาดกว้าง 1 เมตรสูง 1.5 เมตร ไว้ใช้สำหรับขนสิ่งของล้มคว่ำอยู่ ด้านในพบศพนายวิภาค พรหมประสงค์ อายุ 44 ปี สภาพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ มีเลือดนอง เจ้าหน้าที่จึงทำการ CPR แต่ไม่เป็นผล นอนเสียชีวิตด้านในกระเช้า ข้างกันพบร่างนายธีรภัทร์ ขันนอก อายุ 24 ปี โดยทั้งสองรายเป็นช่างแมคคาทรอนิกส์ ได้รับบาดเจ็บ นอนทับร่างผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล PMG เพื่อรักษาเป็นการด่วน 

สอบสวนนายสุชาติ ตงเท่ง อาสาสมัครมูนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า พอได้รับแจ้งเหตุก็รีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน แต่ปรากฏว่ามีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน อีกคน ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา เบื้องต้นทราบว่ากระเช้าดังกล่าวไม่ได้เป็นกระเช้าสำหรับบรรทุกคนขึ้นไปด้านบน แต่เป็นกระเช้าสำหรับขนของ

ขณะที่คนขับรถเครนได้เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขึ้นไปขับรถเครนคันดังกล่าวโดยมีนาย วิภาค พรหมประสงค์ หรือ ราม ผู้เสียชีวิต และ นาย ธีรภัทร์ ขึ้นไปบนกระเช้าเพื่อจะไปเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช๊คไฮโดรลิคโช๊คคานเหล็กยก segment หรือรางรองรับพื้นถนนทางด่วน ซึ่งระหว่างที่คนงานทั้งสองคนอยู่บนกระเช้าไม่ได้โทรศัพท์หรือส่งสัญญาณถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้า จากที่โดยปกติแล้วจะสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์ จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นคล้ายกับวัตถุหล่นกระทบพื้น ตนจึงได้วิ่งออกจากรถเครนไปดูก็พบว่าสายสลิงดึงกระเช้าขาด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนจากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้กระทำการโดยประมาทแต่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ และระบบเซฟตี้ของตัวเครน เพราะช่วงที่กระเช้าขึ้นไปจนสุดระยะเครน 1 ในคนงานได้สื่อสารผ่านโทรศัพท์มาว่าให้นำกระเช้าขึ้นไปให้สูงกว่านี้เพราะยังไม่ถึงจุดโช๊คไฮโดรลิคที่จะไปเปลี่ยนน้ำมัน 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าที่ผ่านมาตัวเครนและชิ้นส่วนอื่นมีท่าทีบ่งบอกว่าถึงความชำรุดหรือไม่ ทางคนขับรถเครนบอกเพียงว่า ผมไม่สามารถตอบได้ อยากให้ทางบริษัทเป็นผู้ตรวจสอบว่าเครื่องจักรมีสภาพที่ชำรุดหรือไม่ และพิจารณาตอบคำถามนี้เอง โดยผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นคนที่ขยันทำงาน ซึ่งก็เคยทำงานร่วมกันมาระยะเวลาหนึ่ง โดยทั้งคู่ ค่อนข้างจะมีความชำนาญเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยขึ้นกระเช้าไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไฮโดรลิคในลักษณะนี้มาแล้ว ก็ไม่เคยเกิดความผิดพลาด

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยาน ผู้คุมคนงานและคนขับรถเครน เพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาว่าประมาทฯหรือไม่และหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป