คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

ในท้ายที่สุดการแข่งขันขั้นต้นของปี 2024 เพื่อช่วงชิงเป็นตัวแทนของสองยักษ์ใหญ่คือพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตได้เริ่มขึ้นแล้ว

ขบวนการแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ถูกแบ่งออกเป็นสองขั้นตอนด้วยกัน

ขั้นตอนแรกเรียกว่า “ไพรมารี  อิเล็กชัน”(Primary Election) ที่พรรคการเมืองยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีแค่เพียง 2พรรค นั่นก็คือ “พรรครีพับลิกัน” และ “พรรคเดโมแครต”

โดยนักการเมืองของแต่ละพรรคก็จะเริ่มแข่งขันกันเอง เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคเข้าไปลงแข่งขันในขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นการลงแข่งขันระหว่างตัวแทนของทั้งสองพรรค เพื่อเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีนั่นเอง โดยจะเรียกการแข่งขันนี้ว่า เจเนอรัล อิเล็กชัน” (General Election)

ปีนี้การจัดการแข่งขันไพรมารีของพรรครีพับลิกันได้มีการจัดแข่งขันขึ้นในรัฐแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2024 อันได้แก่ รัฐไอโอวา ส่วนพรรคเดโมแครตก็จะมีการจัดขึ้นในวันที่  3 กุมภาพันธ์ 2024

สำหรับค่ายพรรครีพับลิกันนั้น แรกเริ่มเดิมทีมีนักการเมืองประกาศที่จะลงแข่งขันทั้งหมดมากถึง 12 คน แต่กลับปรากฏว่าขณะนี้เหลืออยู่เพียงสามคน นั่นก็คือ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” วัย 77 ปี ส่วนคนที่สองก็คือ“ผู้ว่าฯรอน เดอซานทิส” แห่งรัฐฟลอริดา อายุ 45 ปีที่มีภาพลักษณ์อยู่ในกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยม และคนที่สามก็คือ “อดีตผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์”อายุ 51 ปี แห่งรัฐเซาท์แคโรไลนา และยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ

ดูเหมือนว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมาในรูปแบบที่แปลกแหวกแนว ที่นอกเหนือจากที่เขาจะเป็นนักการเมืองคนแรกที่ออกปากมาประกาศว่าจะลงแข่งขันเลือกตั้งตั้งแต่ไก่โห่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 แถมยังตามมาด้วยการแหกกฎของพรรคด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วมโต้วาทีทั้งห้าครั้ง โดยเขาอ้างว่าก็ในเมื่อเขามีคะแนนนำลิ่วเหนือนักการเมืองคนอื่นๆแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเข้าไปร่วมในการโต้วาที!!!

แต่ตามความเป็นจริงแล้วดูเหมือนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะไม่ต้องการที่จะตกเป็นเป้านิ่งให้บรรดาคู่แข่งในพรรคโจมตีแผลทางการเมืองที่เขามีอย่างเหวอะหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลของการถูกข้อกล่าวหาคดีอาญาที่มีทั้งหมด 4 คดี  91 กระทงด้วยกัน

และถึงแม้ว่าเขาจะถูกข้อหาคดีอาญาที่ร้ายแรงอย่างมากมายก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าเขามิได้แยแสต่อข้อกล่าวหา แถมยังปฏิเสธในทุกๆข้อกล่าวหา และคะแนนนิยมกลับพุ่งสูงขึ้นตามลำดับโดยทุกๆครั้งที่ปรากฏตัวในศาล เขายังกล้าหาญที่จะกล่าวเยาะเย้ยต่อผู้พิพากษา ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาๆสามัญแล้ว เพียงถูกข้อหาในคดีอาญาเพียงแค่คดีเดียว ก็คงนอนเอามือก่ายหน้าผากนอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาอย่างแน่นอน!!!

เป็นที่น่าสังเกตว่าคดีอาญาใหญ่ๆทั้งหมด 91 กระทงนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องเทียวไล้เทียวขื่อขึ้นศาลตลอดปีค.ศ. 2024 นี้ทั้งปีเลยทีเดียว

โดยคดีที่เขาความพยายามล้มล้างการเลือกตั้งของปี 2020 สืบเนื่องมาจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการก่อการจลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ตอนที่อดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนส์กำลังทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งให้ “โจ ไบเดน” เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

อนึ่งในคดีนี้ได้เกิดประเด็นขึ้นว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะมีสิทธิ์แข่งขันตำแหน่ประธานาธิบดีต่อไปได้หรือไม่ โดยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2023 ศาลสูงสุดของรัฐโคโลราโดมีมติ 4 ต่อ 3 ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีส่วนร่วมในการก่อเหตุการณ์ร้ายแรงที่ขัดกับรัฐธรรมนูญโดยมีประท้วงกว่าหลายพันคนบุกอาคารรัฐสภาปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและปรากฎว่าตำรวจกว่า 100 รายและผู้ก่อการจลาจล 4 รายเสียชีวิตอีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนที่ต่อสู้กับผู้ก่อการจลาจลจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายเนื่องจากความเครียดและผู้ก่อการจลาจลกว่า 800 คนสารภาพผิดในข้อหาก่ออาชญากรรม

อีกทั้งผู้พิพากษาพิจารณาคดีคือ ธัญญา ชัทแคนนอกจากจะเป็นผู้พิพากษาคดีผู้ก่อการจลาจลทั้ง 800 คนแล้วแต่ยังทำหน้าที่พิจารณาคดีล้มรัฐบาลอีกด้วยและจะเริ่มพิจารณาในวันที่ 4 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตามประเด็นร้อนที่จะตัดสินกรณีว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะได้เดินต่อรณรงค์หาเสียงนั้นทีมงานอดีตของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาสหรัฐฯและศาลฎีกาสหรัฐฯจะเริ่มรับฟังการโต้แย้งระหว่างค่ายประธานาธิบดีทรัมป์กับค่ายรัฐโคโลราโดในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเมืองของสหรัฐฯเข้าสู่ความสลับซับซ้อนมากขึ้นทุกๆทีและไม่แน่ว่าจะลงเอยอย่างไร

คราวนี้หันมาดูการแข่งขันไพรมารีที่รัฐไอโอวาซึ่งเป็นรัฐแรกที่มีการแข่งขันกันเมื่อวันจันทร์ที่ 15 มกราคม จากรายงานของสำนักข่าวเอพีที่มีการนับคะแนนเสร็จ 95% ได้ประเมินว่าประธานาธิบดีทรัมป์มาอันดับหนึ่งโดยได้รับคะแนน 51.0% ผู้ว่าฯรอนดีซานทิสได้รับ 21.3% และผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์ได้รับคะแนน 19.0%

ทั้งนี้ผลการแข่งขันในรัฐนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้โดยเฉพาะคะแนนของผู้ว่าฯรอนดีซานทิสและของผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์สืบเนื่องมาจากกำลังผลัดกันนำผลัดกันตามอีกทั้งผลของการนับคะแนนยังไม่แล้วเสร็จโดยทั้งสองนักการเมืองนี้ต่างหวังให้ได้รับคะแนนมาเป็นที่สองถัดจากประธานาธิบดีทรัมป์

ทว่าในอดีตมีนักการเมืองหลายคนที่มาอันดับหนึ่งในรัฐไอโอวาแต่กลับไปไม่ถึงดวงดาว ดังเช่นวุฒิสมาชิกเทด ครูซเคยชนะอันดับหนึ่งเมื่อปี 2016 แต่ต้องยกธงขาวในที่สุด          

และจากข้อมูลของสำนักข่าวเอพีถึงปัจจัยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายนั้นก็สืบเนื่องมาจากชาวไอโอวาส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวและไม่สนใจที่ประธานาธิบดีทรัมป์มีปัญหาคดีอาญาติดตัวมากมาย

แม้ว่าการแข่งขันไพรมารีที่รัฐไอโอวาประธานาธิบดีทรัมป์จะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม แต่การแข่งขันที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์สัปดาห์หน้านี้จะเป็นรัฐที่จะจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ อดีตผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์และผู้ว่าฯรอนเดอซานทิส

สำหรับการแข่งขันที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ในสัปดาห์ หน้านั้นแม้ว่าขณะนี้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์จะนำอยู่ก็ตามแต่กลับปรากฏว่าคะแนนของอดีตผู้ว่าฯนิกกี เฮลีย์ตามมาติดๆสืบเนื่องมาจากเจ้าบุญทุ่มรายใหญ่ๆในพรรครีพับลิกันที่ไม่พอใจกับประธานาธิบดีทรัมป์

และจากการหยั่งเสียงของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นก่อนวันเลือกตั้งห้าวันปรากฎว่าคะแนนนิยมในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ของประธานาธิบดีทรัมป์นำนิกกี เฮลีย์อยู่ที่ 39% ต่อ 32%

เป็นที่น่าสังเกตว่าทันทีที่ฟอกซ์นิวส์ได้รายงานข่าวของสำนักหยั่งเสียงของซีเอ็นเอ็นปรากฏว่าประธานาธิบดีทรัมป์แสดงอาการโกรธฟอกซ์นิวส์มากถึงกับโจมตีฟอกซ์นิวส์สืบเนื่องจากเขาถือว่าฟอกซ์นิวส์เป็นกระบอกเสียงของเขาตลอดมา

และจากการหยั่งเสียงของ University of New Hampshire เมื่อวันที่ 8 มกราคม ปรากฏว่าคะแนนนิยมของประธานาทรัมป์อยู่ที่ -32% และคะแนนของผู้ว่าฯเดอซานทิสยู่ที่ 8%

และนอกจากนั้นแล้วในการหาเสียงของค่ายเดโมแครตนั้นจากการหยั่งเสียงของมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์เมื่อวันที่ 8 มกราคม ปรากฏว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้รับ 69% โดยเขานำคะแนนลิ่วเหนือส.ส.ดีน ฟิลลิปส์ จากรัฐมินนิโซตาคืออยู่ที่ 7% และนักเขียนวิลเลียมสันอยู่ที่ 6%

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการแข่งขันไพรมารีของพรรครีพับลิกันคงจะไม่เป็นการแข่งขันแบบมาราธอนเหมือนครั้งก่อนๆและอยู่ที่ว่าศาลฎีกาจะตัดสินชะตากรรมของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างไรและยังขึ้นอยู่กับคดีอาญากรณีล้มล้างรัฐบาลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็คงจะเป็นตัวยืนของพรรคเดโมแครต แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งทั่วไปในตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้คงจะสลับซับซ้อนและวุ่นวายที่คาดการณ์ไม่ถึงแน่นอนละครับ