วันที่ 19 ม.ค.67 ที่ตำรวจภูธรภาค 1 นายชาดา ไทยเศษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ก .1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ ,พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ก.1ศอ.ปส.ภ.1, พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช. ปส., พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรื่อง รอง ผบช.ปส.และ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., ขกท. โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ.ขกท., ซกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคมพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ./ผู้ทรงคุณวุฒิอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย,  พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี, พ.ต.อ.เกษดา วัชรานนท์รอง ผบก.จว.สระบุรี และ พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี/หัวหน้า ชปส.ศอ.ปส.ภ.1 ชุดที่ 3 และสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 1 โดย นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ปปส.ภาค 1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด

พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม,นายชาดา ไทยเศษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรชิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติด อย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ ต้นทาง - กลางทาง - ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา  ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดซ พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิรันดรเหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด จากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ

พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวถึงพฤติการณ์ในการจับกุม ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จนนำไปสู่การจับกุมนักค้ายาเสพติด และทีมลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมากหลายคดี และทำให้ทราบว่า นายยุทธนา หรือต้อม อายุ 35 ปี และ นายพิชาญ หรือพลอย อายุ 23 ปี ทำหน้าที่รับยาเสพติดจากผู้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ภาคเหนื่อ แล้วทั้งผู้ต้องหาทั้งสองจะนำส่งต่อให้กับลูกค้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุม จึงได้บูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของนายยุทธนา และ นายพิชาญ

ต่อมา วันนี้ (19 ม.ค.) จากการสืบสวนทราบว่า นายยุทธนา และนายพิชาญ ผู้ต้องหาใช้รถยนต์ อเนกประสงค์ สีเทา เป็นยานพาหนะ ได้มารับยาเสพติดในพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสะกตรอยติดตาจนถึงบริเวณทางหลวงชนบทหมายเลข 3394 ม.13 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงเข้าแสดงตนเข้าตรวจสอบ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ รามจำนวน 700 มัด ประมาณ 1.400,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 2 กระสอบ รามน้ำหนักประมาณ 79  กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ยาเค (คีตามีน) จำนวน 5 กระสอบ รามน้ำหนักประมาณ 85 กิโลกรัม รถยนต์อเนกประสงค์ สีเทา จำนวน 1 ค้น (ใช้ลำเลียงยาเสพติด) โดยกล่าวหานายยุทธนา และนายพิชาญ  กระทำผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไฮซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป

จากการสอบถามนายยุทธนา  ให้การรับว่าทำหน้าที่ขับรถไปรับและนำยาเสพติดส่งให้ลูกค้าตามที่นายพิชาญ สั่งการ โดยทั้งสองจะได้รับค่าจ้างในการรับ-ส่งยาเสพดิด ครั้งนี้รวมเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท และได้ตรวจสอบประวัติ ผู้ต้องหาทั้งสองแล้วพบว่า นายยุทธนา เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) และ มีอาวุธปิ้น และเคไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายพิชาญฯ เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน มีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ สภ.ตอนตูม จว.นครปฐม

พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งยาเสพติดของกลางหากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 53,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป

หากพบบุคคล รถต้องสงสัย หรือมีข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถนีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 193 เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป