วันที่ 21 ม.ค.67 ที่ บช.สอท. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อานนท์ คงประเสริฐ รอง ผกก.2 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ทวีป จันทายนะ สว.กก.2 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับเจ้าของร้านค้ากลางเมืองหาดใหญ่ปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง ขายเครื่องสำอางปลอม

พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์  กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ให้เร่งรัดระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบในพื้นที่รับผิดชอบภาคใต้ โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้หรือเป็นการเอาเปรียบประชาชน

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.5 ชุดสืบสวนไซเบอร์การ์ด ได้รับแจ้งว่า มีการโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กให้กู้ยืมเงิน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด จนทราบว่าผู้โพสต์เป็นเจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ถนนรัตนอุทิศ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งน่าเชื่อว่าสถานที่ดังกล่าวมีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ และมีสิ่งผิดกฎหมายอื่นซุกซ่อนอยู่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ขออนุมัติหมายค้นของศาล เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ดังกล่าว พบนายเอ (นามสมมุติ) แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลา จึงได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา มาทำการตรวจค้นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ และความผิดตามกฎหมายอื่น ที่นายเอได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก

ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นเอกสารซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์และภายในร้านและห้องนอนของนายเอ เบื้องต้นนายเอให้การรับว่าของกลางเป็นของตนเองจริง มีไว้เพื่อทำสัญญาเงินกู้และจดรายละเอียดการกู้ยืมเงินพร้อมชื่อลูกหนี้ และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ พบข้อมูลการสนทนาเกี่ยวการกู้ยืมเงิน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และนายเอยอมรับว่า ตนได้ปล่อยให้ผู้อื่นกู้ยืมเงิน โดยจำนวนเงินต้น 1,000 บาท ให้ผู้กู้ผ่อนชำระวันละ 130 บาท จำนวน 10 วัน รวมเป็นเงินจำนวน 1,300 บาท ซึ่งตนทราบดีว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ทำการตรวจยึดของกลาง และแจ้งข้อหากับนายเอในความผิดฐาน ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้

จากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ทำการตรวจสอบเครื่องสำอาง ที่นายเอวางจำหน่ายภายในร้าน จากการตรวจสอบ พบเครื่องสำอางซึ่งเป็นความผิดตามรายการของกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม “เป็นความผิดตาม พรบ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฝ่าฝืนมาตรา 22 ขายเครื่องสำอาง ไม่ระบุข้อมูลบนฉลากให้ครบถ้วน และขายเครื่องสำอางปลอม ตามมาตรา 27 (2) และ ขายเครื่องสำอางที่แสดงว่าเป็นเครื่องสำอางที่ได้จดแจ้งไว้ซึ่งมิใช่ความจริง ฝ่าฝืนมาตรา 29 (4) ตาม พรบ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 และขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ฝ่าฝืนมาตรา 72 (4) พรบ.ยา 2510”  และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป