จากกรณีที่ นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดระนอง ได้ตั้งเป้ายกระดับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ด้วยการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจภาคใต้ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่  โดยได้ติดตามความคืบหน้าโครงการ Land Bridge ชุมพร – ระนอง   โดยมีมติจากคณะรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนเพิ่มมากขึ้น และเร่งจัดประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ไทย เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายในภูมิภาค ขณะที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)   เตรียมดันรูปแบบท่องเที่ยว Wellness เพิ่มรายได้ระนองปี 2567 จำนวนเงิน 7,000 ล้านบาท

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะรัฐมนตรี ทั้ง  20 กระทรวง ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ระหว่างวันที่ 22 – 23 มกราคม 2567 เพื่อตรวจราชการที่สำคัญในหลายมิติ ทั้งเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การพัฒนาให้ท่าเรือระนองสามารถบริการแบบ one stop service ทั้งเรื่องท่องเที่ยว การเดินทาง และการพิจารณาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดระนอง การรับฟังความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของภาคการประมงและกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ และติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย - อันดามัน (Land Bridge ชุมพร - ระนอง) ก่อนจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ณ หอประชุมจังหวัดระนอง พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง  

ซึ่งผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 มีมติมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการ  2 ประการสำคัญ ได้แก่ 1. ส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งศึกษาคุณประโยชน์เชิงสุขภาพของน้ำแร่จังหวัดระนองเพิ่มเติม เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ควบคู่กับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระนองให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างมากยิ่งขึ้น และ 2. เร่งจัดการประชุมรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวระหว่าง ไทย เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบในโครงการทั้งสิ้น 18 โครงการ แบ่งเป็นโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ 13 โครงการ มูลค่า 350 ล้านบาท และโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชน 5 โครงการ มูลค่า 202 ล้านบาท

ด้าน นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอเอกสาร 6 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนครั้งที่ 27 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 25 -26 มกราคม 2567 ที่กรุงเวียงจันทร์ สปป.ลาว รวมถึงอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลสำคัญของการประชุม  โดยทุกฉบับมุ่งไปสู่ความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างประเทศ การมุ่งสู่ความยั่งยืน การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับผลกระทบของวิกฤตในแง่มุมต่างๆ และมีเป้าประสงค์ที่ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย

พัฒนาระนองเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพ

ขณะที่ นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประทศไทย (ททท.)  กล่าวว่า ระนอง ถือเป็นจังหวัดเมืองรองศักยภาพและพร้อมพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ททท. จึงเตรียมชูจุดแข็งความเป็น “ระนองมหานครน้ำแร่” และนำเสนอคุณประโยชน์ของน้ำแร่ระนอง ผ่าน 13 แหล่งแช่น้ำร้อน ผสมผสานกับรูปแบบการท่องเที่ยว city tour ชุมชน และธรรมชาติ ภายใต้แคมเปญ “สุขทันทีที่เที่ยวระนอง” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดระนองให้เป็นที่รู้จัก พร้อมก้าวสู่การเป็น Wellness City ชั้นนำของโลกต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ ททท. ยังมีทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ปี 2567 ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่ และมีแนวคิดนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ชุมพร-ระนอง และเส้นทาง ระนอง-พังงา รวมไปถึง Mega project ของจังหวัดระนองที่จะร่วมดำเนินงานกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โครงการขยายช่องทางจราจร และโครงการท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับส่งนักท่องเที่ยว

ชาวไทย เมียนมา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายในภูมิภาค อันจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว จังหวัดระนอง ไม่ต่ำกว่าปี 2566 จาก 6,727 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท ตามที่ ททท. ตั้งเป้าหมายไว้