ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย "เอเชียน คัพ 2023" วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นเเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ลงสนามพบ ซาอุดิอาระเบีย

นาทีที่ 11 สุพรรณ ทองสงค์ กองหลังไทย ไปทำฟาวล์ผู้เล่นซาอุฯ ในกรอบ ทีแรกผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร แต่เมื่อดู VAR แล้ว ชี้ให้เป็นจุดโทษของ ซาอุดิอาระเบีย แต่ อับดุลลาห์ ราดิฟ สังหารไปติดเซฟของ สรานนท์ อนุอินทร์ เกมยัง 0-0

หลังจากนั้น ไทย ได้โอกาสตอบโต้จากจังหวะสวนกลับ สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึง 2 ครั้ง แต่ถูกจับเป็นลูกล้ำหน้าทั้ง 2 ครั้ง ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง ซาอุดิอาระเบีย ลงมาเล่นกันอย่างคึกคัก บุกใส่ ไทย อย่างต่อเนื่อง แต่เกมรับของทัพ "ช้างศึก" ยังเล่นกันอย่างเป็นระเบียบวินัย ไม่ให้คู่แข่งเจาะได้ง่ายๆ

น.57 อับดุลราห์มาน การีบ หลุดเดี่ยวมาตั้งแต่ครึ่งสนาม ดวลตัวต่อตัวกับ สรานนท์ อนุอินทร์ ก่อนส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย แต่ไม่ได้ประตูเพราะไลน์แมนยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าเสียก่อน

เวลาที่เหลือ ซาอุดิอาระเบีย ครองเกมบุกได้เหนือกว่า แต่จังหวะจบสกอร์ทำได้ไม่ดีพอ จบเกม 90 นาที ซาอุฯ เสมอ ไทย 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยทัพ "ช้างศึก" สร้างสถิติรักษาคลีนชีตไม่เสียประตูเลยแม้แต่ลูกเดียวในรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ โอมาน เสมอ คีร์กีซสถาน 1-1

จากผลการแข่งขันทั้งสองคู่ในกลุ่ม F ทำให้ ซาอุดิอาระเบีย มี 7 คะแนน เข้าป้ายในตำแหน่งแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบ เกาหลีใต้ ส่วน ไทย มี 5 คะแนน จบรองแชมป์กลุ่ม จะเข้าไปพบกับ อุซเบกิสถาน รองแชมป์กลุ่ม B ในวันที่ 30 มกราคมนี้ ขณะที่ โอมาน และคีร์กีซสถาน กอดคอกันตกรอบ

สำหรับการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไทย พบ อุซเบกิสถาน ที่อัล จาน็อบ สเตเดียม วันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 ฟาดแข้งกันในเวลา 18.30น. ตามเวลาประเทศไทย