วันที่ 26 ม.ค.67 ที่กระทรวงยุติธรรม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาแม่เด็กวัย 6 เดือน ไปยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความและการประกันตัวในชั้นศาล 

สำหรับปูมเหตุของเรื่องนี้ เกิดจากคุณฟิล์ม แม่เด็กวัย 6 เดือนคนนี้ ต้องการหารายได้เสริมผ่านออนไลน์ เพราะมีฐานะยากจนและความจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกเล็ก ต่อมาช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 เธอเห็น Facebook โพสต์ชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้น โดยทันทีที่เข้ากลุ่ม จะได้เงิน 300 บาท เธอจึงทักแชทเข้าร่วมกลุ่ม หวังว่าจะได้เงิน 300 บาทนี้ไปซื้อแพมเพิสให้ลูก ปรากฏว่า มิจฉาชีพบอกให้เธอเปิด Application และส่งข้อมูลเลขบัตรประชาชนหน้าหลังและข้อมูลส่วนบุคคลให้มิจฉาชีพ แล้วจะดำเนินการโอนเงินให้ เธอจึงดำเนินการส่งข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดไปให้ แต่กลายเป็นว่า มิจฉาชีพไม่โอนให้เงิน 300 บาทตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งตอนแรกเธอเข้าใจว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ข้อมูลส่วนตัวอยู่ในมือมิจฉาชีพแล้วก็ตาม 

แต่กลายเป็นว่า เธอถูกออกหมายจับดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง เพราะถูกมิจฉาชีพกลุ่มนี้ นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดบัญชีม้ากับธนาคารแห่งหนึ่งและนำไปใช้หลอกลวงมัดจำกระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 90,000 บาท เมื่อผู้เสียหายเคสกระเป๋าแบรนด์เนมแจ้งความดำเนินคดีและตรวจสอบพบว่าบัญชีม้าที่ได้รับเงินนั้นเป็นชื่อของเธอ จึงทำให้เธอถูกจับดำเนินคดี 

ซึ่งคุณฟิล์ม เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เธอไม่คาดคิดว่าการลงทุนเทรดหุ้นตามที่ถูกชักชวนในโพสต์ Facebook นั้น จะทำให้เธอต้องถูกดำเนินคดีแบบนี้ ไม่นึกว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะนำข้อมูลส่วนบุคคลของตนไปใช้หลอกลวงคนอื่น โดยเมื่อวานนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ตามมาจับกุมตัวเธอที่บ้านในจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งก่อนหน้านี้มีโทรศัพท์จากตำรวจโทรมาบอกว่า เธอถูกออกหมายจับและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ยืนยันว่า เธอไม่รู้จักธนาคารนี้เลยและไม่เคยเปิดบัญชีลักษณะแบบนี้ รวมทั้งตอนแรกคิดว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงโทรมา แต่สุดท้ายเมื่อตำรวจมาถึงที่บ้านจริง เธอก็ต้องจำใจถูกจับกุมไป ซึ่งตอนนั้นเธอก็ตกใจอย่างมากแล้วทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งก็เป็นห่วงลูกจึงพาทั้งลูกและสามีมาด้วยกันที่ สน.ทองหล่อ เมื่อลูกหิวนม ก็ต้องให้นมลูกขณะที่ตัวเองถูกคุมขัง เพราะมีเงินติดตัวไม่ถึงร้อย ไม่เพียงพอทั้งซื้อนมและยื่นประกันตัว 

คุณฟิล์ม กล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงลูกตัวเองมาก เพราะด้วยความที่ไม่มีเงินยื่นประกันตัว ก็อาจจำใจที่จะต้องเข้าสู่คุก แต่ก็กังวลกับลูกตัวเองไม่น้อย เพราะด้วยวัย 6 เดือน ต้องกินนมตัวเองตลอด ไม่มีเงินซื้อนม ครอบครัวมีฐานะยากจน มีเพียงแต่แฟนหนุ่มที่รับอาชีพรับจ้างปีนเก็บมะพร้าว รายได้เฉลี่ยตกเดือนละไม่ถึง 2,000-3,000 บาท เลยจำเป็นที่จะต้องหารายได้เสริม 

โดยขอวิงวอนไปยังผู้เสียหายเคสกระเป๋าแบรนด์เนมว่า ขอให้เห็นใจและมาพูดคุยเจรจากัน เธอไม่มีเจตนาและส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ หากต้องการที่จะให้ชดใช้หนี้ 90,000 บาทตามที่ถูกหลอกไปนั้น ตนก็ยินดีและขอใช้เวลาในการทำงานหาเงินมาใช้หนี้ แต่อย่างน้อยขอให้ถอนแจ้งความ ไม่ดำเนินคดีกับตน เพราะตนไม่มีเจตนาที่จะเปิดบัญชีม้าหรือสมรู้ร่วมคิดกับแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้แต่อย่างใด 

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ ตนไม่อยากใช้คำว่ามิจฉาชีพ ใช้คำว่า "มิจฉาชั่ว" ได้เลย และคุณฟิล์มถือว่าเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่ผู้ต้องหา ที่กลายเป็นว่าถูกหลอกซ้อนหลอกอีกทีนึง ไม่คาดคิดว่าจะมีกลุ่มขบวนการเหล่านี้ หลอกลวงประชาชนเอาข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะบัตรประชาชน ยิ่งเหยื่อเป็นแม่ลูกอ่อนและมีฐานะยากจน แถมยังอาศัยลักษณะการเปิดบัญชีออนไลน์ของธนาคารดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลเพียงแค่บัตรประชาชนและหลอกผู้เสียหายหรือคุณฟิล์มว่าใช้ OTP ที่เข้าเครื่องคุณฟิล์มในการยืนยันเข้าเทรดหุ้น แต่จริง ๆ แล้วคือการที่มิจฉาชีพนำรหัส OTP ไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร เมื่อคุณฟิล์มได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่มิจฉาชีพไปแล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกจนถูกดำเนินคดี จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วช้าอย่างมาก 

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทาง ผกก.สน.ทองหล่อ ที่ให้ความเมตตาในการลดค่าประกันตัวคุณฟิล์ม จาก 70,000 บาทเหลือ 30,000 บาท ซึ่งในเรื่องทางคดีนั้นก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการที่นำฟ้องสู่ชั้นศาล เมื่อวานนี้หากไม่มีการประกันตัวคุณฟิล์ม ทางตำรวจก็นำตัวคุณฟิล์มไปฝากขัง แต่อย่างไรก็ตาม ทางกองทุนยุติธรรมก็จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่คุณฟิล์มแล้ว อีกทั้งในส่วนของตนนั้น จะเร่งประสานกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามตัวผู้เสียหายคดีกระเป๋าที่แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคุณฟิล์มให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันกับถอนแจ้งความและจะนำคุณฟิล์มไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ เพื่อลากแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป 

ด้านนายวิเชียร ไชยสอน ผอ.สำนักงานกองทุนยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีนี้ทางกองทุนที่ทำจะรับไปพิจารณา เพื่อให้การช่วยเหลือในเรื่องของทนายความในการต่อสู้คดีและเงินประกันในชั้นศาลแก่คุณฟิล์มต่อไป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า คุณฟิล์มน่าจะเข้าหลักเกณฑ์ที่สามารถให้การช่วยเหลือได้ เนื่องจากคุณฟิล์มไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด ตกเป็นเหยื่อทางอาชญากรรม และไม่มีรายได้หรือมีสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามจะเร่งนำเรื่องไปเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาให้การช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งฝากประชาสัมพันธ์ว่า หากประชาชนคนใดถูกหลอกตกเป็นเหยื่อในการดำเนินคดี ทั้งที่ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องการเปิดบัญชีม้า สามารถแจ้งร้องขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ยุติธรรมได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย 

 

#บัญชีม้า #สายไหมต้องรอด