วันที่ 30 ม.ค.67 ร.ต.อ.อภิวัฒน์ พวกอินแสง รอง สว.สอบสวน สน. ปากคลองสาน รับแจ้งมีผู้พบร่างผู้เสียชีวิตลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานกรุงเทพ มุ่งหน้าไปทางสะพานพุทธ ถนนพระยาไม้ แขวงวัดกัลยา เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จึงประสานแพทย์นิติเวชโนงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณท่าน้ำใต้สะพานพุทธ พบว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารเรือจากกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ ได้นำร่างผู้เสียชีวิตมาผูกเอาไว้ที่บริเวณท่าน้ำดังกล่าวแล้ว ผู้เสียชีวิดเป็นหญิง 1 ราย อยู่ภายในน้ำลักษณะลอยหงายหน้า สวมใส่เสื้อชั้นในสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า สูงประมาณ 155 เซนติเมตร ลักษณะสภาพร่างของผู้เสียชีวิตคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 10 วัน ศพเริ่มเน่าเปื่อย ผมหลุดร่วง ตัวซีด สูงภายในกระเป๋ากางเกงพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กุญแจรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า 1 ดอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดเอาไว้เพื่อรอส่งมอบคืนให้กับญาติผู้เสียชีวิต

จากการสอบถามจาก จ่าเอก ไพทูรย์ พีชัยภูมิ สังกัดกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น. หน่วยช่วยเหลือผู้ประสพภัยทางน้ำที่ 3 ได้รับแจ้งจากทางหน่วยอาสาสมัครกู้ภัยว่าพบผู้เสียชีวิตลอยน้ำบริเวณใต้สะพุทธแล้วกำลังลอยไปทางท่าน้ำวัดกัลยา ตนเองและนำเรือตรวจการทางน้ำ ล 3143 ออกปฏิบัติการพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเรืออีก 2 นาย เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตพร้อมนำมาผูกเอาไว้ที่ท่าน้ำใต้สะพานพุทธเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่พร้อมแพทย์นิติเวชเข้าตรวจสอบเบื้องต้น ทางกองทัพเรือได้จัดเรือลาดตระเวนในน่านน้ำเจ้าพระยาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ปากน้ำนนทบุรี ไปจนถึงปากน้ำสมุทรปราการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสพภัยทางน้ำได้อย่างทันท่วงที และเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายในบริเวณน่านน้ำเจ้าพระยาได้

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ช่วงเวลา 00.26 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปากคลองสาน ได้รับแจ้งเหตุมีผูหญิงลักษณะท่าทางเหมือนผู้ชายไว้ผมสั้นรองทรง ทราบชื่อเจ้าของรถแท็กซี่คันดังกล่าวต่อมาชื่อนางอังคณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ได้ขับรถแท็กซี่ สีเหลือเขียว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น AlTLS ทะเบียนกรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) มาจอดที่กลางสะพานพระรามที่ 3 ทิศทางมุ่งหน้า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แล้วเปิดประตูรถลงไปปีนข้ามขอบปูนราวสะพานแล้วทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบประสานอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดชุดกู้ภัยทางน้ำนำนักประดาน้ำพร้อมเรือตรวจการทางน้ำ เร่งระดมค้นหาทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำอยู่นานหลายชั่วโมงแต่ไม่พบตัวจนเวลาร่วงเลยไปจนเกือบรุ่งเช้าจึงยุติการค้นหา คืนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครได้เร่งช่วยกันค้นหาอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว แต่เนื่องด้วยกระแสน้ำที่ค่อนจะไหลเชียวและเป็นเวลากลางคืนที่แสนจะมืดมิดจึงเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการค้นหา 

ทางแพทย์นิติเวช พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบหมายให้อาสาสมัครนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช  และจะให้ญาตินำเอกสารมาติดต่อขอรับร่างผู้เสียชีวิตนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป