คลอดรายงานประมาณการทางเศรษฐกิจประจำปีนี้กันแล้ว

สำหรับ “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” หรือ “ไอเอ็มเอฟ” ที่ปล่อยรายงานประมาณการทางเศรษฐกิจของปี 2024 (พ.ศ. 2567) ซึ่งตรงกับปีนักษัตร “มะโรง” หรือ “งูใหญ่” หรือที่หลายคนก็ยกให้เป็น “ปีมังกร”

โดยถ้าว่าตามตัวเลขประมาณการของไอเอ็มเอฟที่ปล่อยออกมาจากรายงานฉบับนี้ ก็ต้องถือเป็นปีที่มังกรผงาดฟ้าก็ว่าได้ เพราะเศรษฐกิจของปีนี้สดใส ด้วยตัวเลขขยายตัวที่น่าพึงพอใจในหลายภาคส่วนของโลกเรา อันเป็นตัวเลขที่ทางไอเอ็มเอฟ ปรับการคาดการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจของโลกเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปี 2024 นี้ ทาไอเอ็มเอฟ ก็ระบุว่า จะขยายตัวที่ระดับร้อยละ 3.1

ทั้งนี้ ตัวเลขข้างต้น ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2024 นี้ เติบโตเท่ากับเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็สูงกว่าที่ทางไอเอ็มเอฟ เคยประมาณการไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.9

เหตุปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่ง ซึ่งทำให้ไอเอ็มเอฟ ต้องออกมาปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมครั้งใหม่นั้น ก็มาจากปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกคลี่คลายเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น นั่นเอง ที่ส่งอานิสงส์ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยส่วนรวม

โดยไอเอ็มเอฟ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกก็ลดลงจากระดับร้อยละ 6.8 ในปีที่แล้ว เหลือร้อยละ 5.8 ในปี 2024 นี้ และในปี 2025 (พ.ศ. 2568) อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกก็จะลดลงไปอีกจนเหลือร้อยละ 4.4

Photo : AFP)

ส่วนอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำนั้น ก็จะมีตัวเลขแตกต่างไปจากข้างต้น โดยทางไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ในปี 2024 นี้ ก็จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 และเหลือร้อยละ 2 ในปีหน้า คือ 2025

ทั้งนี้ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมาเหลือร้อยละ 2 ดังกล่าว ทางไอเอ็มเอฟ ก็ระบุว่า เป็นไปตามเกณฑ์เป้าหมายของบรรดาธนาคารกลาง หรือแบงก์ชาติ ในหลายๆ ประเทศ กำหนดไว้

ว่ากันถึง “อัตราเงินเฟ้อ” ก็ต้องบอกว่า จะเกี่ยวพันมาถึงราคาสินค้าต่างๆ โดยราคาจะ “ถูก” หรือ “แพง” ก็เป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อเป็นเหตุปัจจัยด้วยเช่นกัน

ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยรวมนั้น ทางนายปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ แสดงทรรศนะว่า มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมากเลยทีเดียวว่าจะเติบโต หรือถดถอย

Photo : AFP

โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ณ เวลานี้โลกเราอยู่ในช่วงสุดท้ายของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “ซอฟต์ แลนดิง (Soft landing)” อันเป็นผลจากการที่หลายๆ ประเทศสามารถควบคุมภาวะอัตราเงินเฟ้อไว้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง

ในส่วนของสถานการณ์เศรษฐกิจของบรรดาประเทศชั้นนำนั้น ทางไอเอ็มเอฟ ได้ออกมาคาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหมายเลขหนึ่งของโลก ทางรายงานของไอเอ็มเอฟ ระบุว่ ในปี 2024 นี้ จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่เคยประมาณการไว้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5

ส่วนมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหมายเลขสองของโลก อย่าง “จีนแผ่นดินใหญ่” รายงานไอเอ็มเอฟ ก็ระบุว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 ในปี 2024 นี้ เพิ่มขึ้นจากการประมาณการเมื่อสามเดือนที่แล้วที่ระบุว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.2

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ ก็ถือเป็นการเติบโตแบบลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนในปีที่แล้ว ที่มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.2

ทางด้านสถานการณ์เศรษฐกิจของ “กลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ใช้สกุลเงินยูโร” หรือ “ยูโรโซน” ซึ่งมีชาติสมาชิก 20 ประเทศ ทางไอเอ็มเอฟ ก็มีรายงานประมาณการว่า ในปี 2024 นี้ จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 0.9 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากการประมาณการเมื่อสามเดือนที่แล้ว หรือเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา ที่เคยคาดการณ์ว่า จะขยายตัวเติบโตที่ร้อยละ 1.2

เหตุปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตขยายตัวของกลุ่มประเทศยูโรโซน ก็คือ “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) โดยจะลากยาวไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ พร้อมกับสร้างความเดือดร้อนไปถึงเศรษฐกิจตลอดทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป ซึ่งหมายถึงกลุ่มประเทศยูโรโซนด้วย

นอกจากนี้ ปัญหาด้านพลังงานก็จะส่งผลกระทบซ้ำเติมต่อเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนด้วยเช่นกัน อันเป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนดังกล่าว ซึ่งรัสเซีย ประเทศผู้ก่อสงครามข้างต้น ก็เป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ให้แก่บรรดาประเทศในยูโรโซน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ กลุ่มประเทศยูโรโซน และในภูมิภาคยุโรปทั้งหลาย ยังต้องพึ่งพาด้านพลังงานจากรัสเซีย

ทางด้านบรรดาประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆ อย่างบราซิล อินเดีย ตลอดจนภูมิภาคที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจโลก เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออุษาคเนย์เรา ทางไอเอ็มเอฟ ก็ออกมาปรับประมาณการทางเศรษฐกิจในปี 2024 นี้ ว่า เป็นไปในทิศทางที่สดใส

ไม่เว้นแม้กระทั่ง “รัสเซีย” ประเทศที่ถูกกลุ่มชาติมหาอำนาจตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ และเหล่าชาติพันธมิตรของมหาอำนาจตะวันตกคว่ำบาตร หรือแซงก์ชัน เพื่อลงโทษที่เป็นผู้ก่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทางไอเอ็มเอฟ ก็ระบุว่า ในปี 2024 นี้ เศรษฐกิจของรัสเซียจะขยายตัวเติบโตถึงร้อยละ 2.6 มากกว่าที่เคยประมาณการไว้เมื่อสามเดือนที่แล้ว คือ ตุลาคม 2023 ที่ระบุว่า จะเติบโตร้อยละ 1.5 โดยมาตรการแซงก์ชัน หรือการคว่ำบาตรข้างต้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียไม่เท่าไหร่ โดยเหตุปัจจัยที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะรัสเซีย หันเหการค้าการขายไปยังประเทศ หรือภูมิภาคอื่นๆ แทนกลุ่มชาติมหาอำนาจตะวันตก เช่น จีน อินเดีย และหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นต้น

ส่วนผลกระทบด้านลบที่มีต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2024 นี้นั้น ทางไอเอ็มเอฟก็จับตาไปที่เหตุโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงโดยกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน อย่างไรก็ตาม ทางไอเอ็มเอฟ ก็ยังมองบวกว่า น่าจะส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานในวงจำกัด