วันที่ 2 ก.พ.67 ที่ บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยว่า  ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบปราบปรามอาชญากรรมได้ออกลาดตระเวนออนไลน์รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน ได้พบเห็นการกระทำ มีมิจฉาชีพชื่อ นายนัฐกฤต กับน.ส.ภานิดา สองคนผัวเมียเปิดเพจ  มีพฤติการณ์ โพสต์ว่ารับผลิตสินค้าและเป็นศูนย์กระจายสินค้าพวกเครื่องสำอางมีร้านค้าในเครือกว่า1,000 สาขาทั่วประเทศและมีสาขาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยมีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องที่การจ้างพนักงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ลงทุนจ้างยิงแอดโฆษณาทางสื่อออนไลน์ เมื่อมีผู้เสียหายติดต่อมาก็จะเสียค่าฝากวางสินค้าขายเป็นรายเดือนหลักหมื่นและให้ส่งสินค้าให้ไปจำหน่าย บางรายไม่มีสินค้าก็จะรับจ้างผลิตสร้างแบรนด์ให้ด้วยเมื่อผู้เสียหายจ่ายค่าวางสินค้าหรือโอนเงินค่าจ้างผลิต สุดท้ายสูญทั้งเงินสูญทั้งสินค้าถ้าผู้เสียหายรายใดไปโพสต์ประจานในเพจก็จะข่มขู่จะดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ. คอมฯ มีการจ้างทนายประจำบริษัทด้วยเพื่อช่วยเรื่องคดี ถ้าโดนผู้เสียหายฟ้องร้อง มีผู้เสียหายเยอะมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและยังมีหมายจับติดตัว 3 หมายจับ

 พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เมื่อเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดรีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว บุคคลตามหมายจับที่เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเอาเป็นเครื่องมือใช้กระทำความผิดทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หลอกฝากขายสินค้าในโซเชียล


ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ร.ต.ท.พีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา  ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ สนิทไทย ร.ต.ต.สุนทร  จันทะแจ่มรองสว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม.นายณัฐกฤต อายุ 34ปี ที่อยู่ 30หมู่ 2ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ 388/2566 ลงวันที่ 30 พ.ย.2566 ซึ่งต้องหาว่า "ฉ้อโกง,พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์" และตรวจสอบหมายจับในระบบยังมีหมายจับอีก1หมายคือหมายจับของศาลอาญามีนบุรีที่1277 ลงวันที่ 19 ก.ย. 2566 ต้องหาว่า "ฉ้อโกง" และ น.ส.ภานิตา อายุ 33 ปี ที่อยู่ 115 หมู่ 23 ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 387/2566 กระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกง,พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์"

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวถึงพฤติการณ์ว่า ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพหลอก อ้างเป็นเจ้าของศูนย์กระจายสินค้าและรับฝากขายสินค้ารวมทั้งรับผลิตสร้างแบรนด์สินค้าพวกเครื่องสำอางมีการเก็บเงินค่าฝากขายเป็นรายเดือน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหามีการเปิดบริษัทและมีการขายสินค้าได้จริงได้จ่ายเงินล่วงหน้าค่าฝากขายจำนวนหลักหมื่นและมีการส่งสินค้าให้แก่ผู้ต้องหามูลค่าหลักแสนจนถึงหลักล้าน บางคนก็โอนเงินค่าผลิตสินค้าให้แก่ผู้ต้องหาจำนวนมาก สุดท้ายไม่ได้รับสินค้าและสินค้าที่บางรายเอาไปฝากขายก็ไม่ได้เงินคืนสูญทั้งเงินสูญทั้งสินค้า ถ้ามีผู้เสียหายรายใดที่ติดตามทวงหรือจะฟ้องร้องก็จะเจรจาขอคืนสินค้าซึ่งสินค้าใกล้จะหมดอายุทำให้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก หรือถ้ามีใครไปโพสต์หน้าเพจของผู้ต้องหาก็จะข่มขู่ว่าจะให้ทนายประจำบริษัทฟ้องดำเนินคดีทำให้ผู้เสียหายกลัว ไม่กล้าไปโพสต์ประจาน โดยในชั้นจับกุม นายนัฐกฤตและน.ส.ภานิดาได้ให้การภาคเสธไม่ได้หลอกผู้เสียหายโดยอ้างว่าบริษัทของตัวเองทำถูกต้องตามกฎหมายแต่มีปัญหาช่วงโควิดและมีผู้เสียหายบางคนเข้าใจผิดไปฟ้องร้องพวกตนแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด 


พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า ในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการฝากขายสินค้าหรือสั่งผลิตสินค้าต้องได้เห็นบริษัทหรือโรงงานจริง และบริษัทมีการดำเนินธุรกิจจริงไม่ใช่ติดต่อกันทางโซเชียลแล้วก็ตกลงจ่ายเงินหรือโอนเงินให้เลย หรือแม้แต่การทำสัญญาต่างๆแต่ไม่เคยได้เจอตัวเจ้าของแม้แต่ครั้งเดียว การซื้อขายทางออนไลน์ต้องมีร้านที่เชื่อถือได้เพื่อป้องกันการหลอกฝากขายสินค้า และถ้าสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ