เมื่อวันที่ 2 ก.พ. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผบช.ทท.พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3  ตัวแทนจากกรมการท่องเที่ยว ร่วมแถลงข่าวปฏิบัติการ ปฏิบัติการ BOOKING GONE  ทลายเครือข่ายเพจโรงแรมปลอมหลอกจองห้องพัก 2 คดี

คดีแรกจับกุมนายสุนทร อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต อดีตนายหน้ารับจองที่พัก เจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจที่พักประเภท Pool Villa ของปลอมหลายบัญชี โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย ควบคุมตัวได้บริเวณ
หน้าห้องเช่าพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ทุ่งยาวอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จากฐานข้อมูลของ “เช็กก่อน.com” พบว่ามี
ผู้ร้องเรียนทั่วประเทศกว่า 40 รายสร้างความเสียหายรวมเกือบ 800,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับติดตัวถึง 4 หมายจับ ทั้งในพื้นที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลจังหวัดสิงห์บุรีและ ศาลจังหวัดสมุทรสาคร
 
โดยนายสุนทร มักสร้างเพจที่พักประเภท Pool Villa จำนวนหลายเพจ ใช้ชื่อแตกต่างกันไป แต่จะเลี่ยงการใช้ชื่อโรงแรมจริง จากนั้นจะโพสต์ภาพสถานที่จริงที่โหลดมาจากแพลตฟอร์มออนไลน์ของโรงแรมต่างๆ โดยเน้นห้องพักที่มีวิวน่าดึงดูดใจเพื่อให้เหยื่อสนใจ จากนั้นจะแปะช่องทางการติดต่อไว้ที่หน้าเพจ ทั้งเบอร์โทรและบัญชีไลน์ ซึ่งสามารถติดต่อได้จริงทุกช่องทาง เมื่อเหยื่อต้องการจองห้องพัก นายสุนทรมักใช้วิธีให้เหยื่อโอนเงินมัดจำ
เพียงครึ่งเดียวเพื่อสร้างความไว้ใจ แล้วมีการส่งพิกัดของที่พัก รวมถึงข้อมูลห้องพักต่างๆ ให้เสมือนห้องพักนั้น
มีอยู่จริง โดยเหยื่อสามารถติดต่อกับนายสุนทรได้จนกว่าเหยื่อไปถึงสถานที่จริงแล้วไม่ได้เข้าพัก หรือ จนกว่าเหยื่อจะรู้ตัว จึงจะทำการบล็อกการติดต่อ
 
นอกจากนี้ จากการสืบสวนพบว่า นายสุนทรยังหลอกผู้อื่นมาเป็นบัญชีม้า โดยการโพสต์รับสมัครงานตามกลุ่ม
เฟซบุ๊กหางาน ในตำแหน่งแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ทำหน้าที่ประสานงานและรับจองห้องพัก โดยนายสุนทร
หลอกผู้สมัครงานว่าต้องใช้บัญชีธนาคารของผู้สมัครงานเป็นช่องทางการรับเงินค่าจองห้องพัก ซึ่งผู้สมัครงานไม่ทราบว่าโรงแรมที่ตนรับจองให้เหยื่อนั้น ไม่มีอยู่จริง สุดท้ายผู้สมัครงานจึงกลายเป็นบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว
 
 เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการ
ที่ตนเกี่ยวข้อง" นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
คดีที่สองจับกุมนายบุริณ อายุ 20 ปี ชาว จ.เชียงราย ผู้ทำหน้าที่กดเงินพร้อมของกลางเงินสด 691,000 บาทและเครือข่ายบัญชีม้า ของเพจโรงแรม MYS Khaoyai ของปลอม มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 117 คดี
สร้างความเสียหายรวมกว่า 601,219 บาท โดยเจ้าหน้าตำรวจที่สามารถควบคุมตัวนายบุริณ ได้บริเวณห้องพักในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย หลังจากได้กดเงินจากตู้ ATM เพื่อเตรียมส่งข้ามชายแดน และยังได้จับกุมเครือข่ายบัญชีม้าในพื้นที่ จ. ระยอง อีกหลายราย
 
โดยเพจปลอมโรงแรม MYS Khaoyai ดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 20,000 ราย โดยมิจฉาชีพได้ดาวน์โหลดวิดีโอคลิปและภาพจากเพจโรงแรมของจริง แล้วนำมาอัปโหลดลงเพจปลอมที่สร้างขึ้น พร้อมทั้งซื้อพื้นที่โฆษณาในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มการเข้าถึงของประชาชน เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ คนร้ายจะเสนอโปรโมชั่นที่ทำให้จ่ายถูกกว่าปกติ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินจองที่พักให้แล้ว ก็จะไม่สามารถติดต่อกับเพจโรงแรมปลอม
ดังกล่าวได้อีกต่อไป
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมดำเนินคดีฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป