วันที่ 5 ก.พ.67 พลตำรวจตรีณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงกรณีที่ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ฃคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเคสใหญ่ที่จะขยายวงกว้างออกไป และทาง บก.ปปป.อาจจะมีกำลังพลไม่เพียงพอ  โดยคณะสืบสวนสอบสวนดังกล่าวมีพลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าคณะซึ่งพลตำรวจตรีสุวัฒน์รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย รวมถึงคดีสำคัญต่างๆของกองปราบอยู่แล้ว และเป็นไปเพื่อมห้สามารถระดมสรรพกำลังของตำรวจกองปราบเข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนได้อย่างเต็มที่

ด้านพันตำรวจเอกบุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม ปฏิบัติราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ยืนยันว่าการตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความกังวลว่าผู้ต้องหาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่  เพราะในคดีนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือนที่เกี่ยวข้อง แต่การมีคณะพนักงานสอบสวนจะสามารถทำให้สืบสวนสอบสวนได้อย่างครอบคลุม ถือเป็นการสนับสนุนกำลังพลให้กับ ปปป.ให้มีความพร้อมมากที่สุด และหากมีการขยายผลไปยังบุคคลใดหรือพบการกระทำความผิดอื่นๆก็สามารถดำเนินการได้ทันที  เนื่องจากการบังคับการปราบปรามมีขอบเขตอำนาจในการปฏิบัติการได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ  ยืนยันว่า การตั้งคณะทำงานดังกล่าวไม่ได้เกิดจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือแรงกดดันใดๆ แต่เป็นการเพิ่มศักยภาพการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวให้กับ  บก.ปปป. ซึ่งมีกำลังจำกัดสำหรับคดีที่ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เซ็นหนังสือคำสั่งดังกล่าว ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยแต่งตั้งให้พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และให้พลตำรวจตรี จรูญเกียรติปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน นอกจากนี้ยังมีการดึงหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง ฃเข้ามาช่วยคดี ทั้งกองบังคับการปราบปราม, กองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โดยกองบังคับการปราบปรามจะเข้ามาช่วยดูงานสืบสวนสอบสวน และช่วยทำสำนวน ส่วน บก.ปอท. จะช่วยดูงานตรวจพิสูจน์และดึงข้อมูลทางเทคนิคจากอุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พยาน ภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว