วันที่ 6 ก.พ.67 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 29 มกราคม – วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. –วันที่ 4 ก.พ. 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 3 ล้านคน ในสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ และตลาดระยะไกลกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน (ตลาดระยะใกล้) ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.37 หรือ 34,979 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้า จากการมีจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และอินโดนีเซีย (ตลาดระยะใกล้) ที่มีการเดินทางท่องเที่ยวก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป

อีกทั้ง นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย (ตลาดระยะไกล) ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 770,008 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 42,803 คน หรือร้อยละ 5.89 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชา ติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 110,002 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (172,876 คน) มาเลเซีย (76,807 คน) รัสเซีย (51,721 คน) เกาหลีใต้ (44,008 คน) และอินเดีย (40,786 คน) โดยนักท่องเที่ยวจีน และรัสเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 23.37 และร้อยละ 9.19 ตามลำดับ ในขณะที่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ มาเลเซีย และอินเดีย ปรับตัวลดลง ร้อยละ 13.32 ร้อยละ 6.47 และร้อยละ 0.63

ทั้งนี้ สัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีปัจจัยจากการออกเดินทางก่อนเทศกาลตรุษจีน และจำนวนเที่ยวบินขาออกที่เพิ่มขึ้นของจีน การลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา หรือการยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 
การท่องเที่ยวก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในอินโดนีเซีย การยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรีให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย

สำหรับประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 5 ก.พ. 67 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 4 ก.พ. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 3,513,155 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 170,411 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (617,578 คน) มาเลเซีย (377,383 คน) รัสเซีย (249,377 คน) เกาหลีใต้ (247,915 คน) และอินเดีย (187,570 คน)