ภายหลังจากวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการโครงการแลนด์บริดจ์ โดยทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศกลางเวทีโลกการประชุมเอเปก 2023 ระบุว่า ประเทศไทยพร้อมรับการลงทุนจากทุกชาติและทุกรูปแบบ โดยชูไฮไลท์ที่ว่ารัฐบาลกำลังผลักดันโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาสะพานข้ามทะเล เพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) ซึ่งจะทำให้ไทย เป็นศูนย์กลางการค้าและคมนาคมขนส่ง ซึ่งจะเป็นโอกาสของการลงทุนสำหรับต่างชาติอย่างแท้จริง

  ซึ่งการที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ได้เกิดเป็นกระแสอีกครั้ง พร้อมๆ กับมี เมกะโปรเจกต์ของทางภาครัฐ ได้เข้ามาพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบจราจร ระบบขนส่งมวลชน การบริหารจัดการน้ำ ระบบบริหารการขนส่ง โครงการที่อยู่อาศัยของรัฐ ยิ่งกระตุ้นให้ภาคการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรอบเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มีการดำเนินงานในโครงการต่างๆ เพื่อมารองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วางเป้าหมายเพิ่มรายได้เมืองรอง

โดย นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า  ในปี 2567 ททท.วางเป้าหมายเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวจ.ระนอง ซึ่งเป็นเมืองรอง ให้ได้  7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้ 6,727 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวรวม 1.458 ล้านคนครั้ง เป็นชาวต่างชาติ 51,432 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทยคนไทย 1.4 ล้านคน โดยในปี 2567 โดยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ไม่ต่ำกว่าปี 2566

รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2567 จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 แต่อาจจะขาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไป แต่ในทางกลับกันเชื่อว่ารายได้น่าจะใกล้เคียงปี 2562 หรือเกินกว่าเล็กน้อย ประมาณ 4 แสนล้านบาท แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่เท่ากัน แสดงว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากกว่า ปี 2562

ขณะที่จังหวัดใกล้เคียงอย่างภูเก็ต และพังงา ต่างมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไม่ขาดสาย ซึ่ง นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เป็นไปมี นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตจำนวนมาก ตัวเลขนักท่องเที่ยวกว่า 250,000 คน ในจำนวนนี้ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เดินทางมาทางเครื่องบิน ซึ่งชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาโดยตรงต่อวัน ประมาณวันละกว่า 10,000-15,000-16,000 คน สลับวันกันไป และบางเที่ยวบินที่มาจากกรุงเทพฯ เฉลี่ยต่อวัน จำนวน 9,000-10,000 คน โดยทั่วไป อันดับ 1 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เข้ามาวันละ 4,000-5,000 คน รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาวันละกว่า 2,000 คน อันดับ 3 อินเดีย อันดับ 4 ออสเตรเลีย อันดับ 5 อังกฤษ

ซึ่งตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตจะมีทั้งยุโรปและเอเชีย โดยมีการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ กว่า 9,000 บาทต่อคนต่อวัน ถือว่าใช้จ่ายสูง  โดยมีนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวนมากสุด 10 อันดับได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ มาเลเซีย เยอรมนี คาซัคสถาน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ทั้งนี้เป้าหมายของปี  2567 น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวน มากกว่า 7,500,000 ล้านคน

ในบางส่วนที่คนไทยเข้ามาโดยมากจะเข้ามาทางบก จะมาจากพื้นที่ใกล้เคียงกับภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นพังงา กระบี่ ต่างๆ ที่เข้ามาท่องเที่ยวกัน ซึ่งจำนวนห้องพักต่างๆ ถ้าตามชายหาดห้องพักล้น แต่ถ้าเป็นภาพรวมทั้งหมด โรงแรมที่อยู่ในภูเก็ตประมาณ 1,900 แห่ง จำนวนห้องพักประมาณกว่า 101,000 ห้อง นักท่องเที่ยวเข้ามาพักเฉลี่ยอัตราเข้าพักโรงแรมใหญ่โรงแรมเล็กอยู่ที่ประมาณ 82 เปอร์เซ็นต์

 ปรับกลยุทธ์และวางตำแหน่งใหม่

ด้าน นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา กล่าวว่า  ได้วางกลยุทธ์จัดกิจกรรมท่องเที่ยวพังงากระตุ้นการเดินทางให้สอดคล้องกับภาพรวมของ ททท.ทั้งประเทศตั้งเป้ารายได้ตลาดในประเทศปี 2567 ให้ถึง 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 200 ล้านคน-ครั้ง ใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 4,000 บาท/คน/ทริป นำเสนอขายตามคอนเซปต์ 365 วัน เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี ตามแผนงบประมาณปี 2567 โดยร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวในพื้นที่ และภาครัฐ ภาคเอกชน เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและคัดเลือกกิจรรมประเภทสินค้าเสนอขาย ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้พังงาเป็นจุดหมายปลายทางเข้าถึงการท่องเที่ยวได้ง่ายมากขึ้น

ส่วนนาย ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย และ บียอนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า ปีนี้ กะตะกรุ๊ปได้กลับมาพลิกฟื้นอีกครั้งด้วยการปรับกลยุทธ์และวางตำแหน่งแบรนด์ใหม่ (Brand positioning) ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด The Colors of Beyond หรือสีสันแห่งการพักผ่อนและการท่องเที่ยวในรูปโฉมใหม่ที่เหนือระดับกว่าที่เคยมีมา โดยเน้นการพัฒนาจุดหมายปลายทางที่นำเสนอประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ ที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ไปจนถึงการรีแบรนด์ และรีโนเวทโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเพื่อให้มีความสดใหม่มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันกะตะกรุ๊ปมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ ทั้งสิ้น 9 แห่งรวมทั้งสิ้น 2,200 ห้อง

สำหรับโรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ บียอนด์ ประกอบด้วย 3 ซีรีย์ คือ “ขุนเขา” (Mountain Series) จุดหมายปลายทางที่จะมอบความสงบที่สมดุลท่ามกลางธรรมชาติของภูเขาอย่าง “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี” (Beyond Skywalk Nangshi) “ท้องทะเล” (Sea Series) อิสระแห่งการพักผ่อนที่มีทั้งเสียงคลื่นและท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง ได้แก่ “บียอนด์ กะตะ” (Beyond Kata) “บียอนด์ กะรน”  (Beyond Karon) “บียอนด์ เขาหลัก” (Beyond Khaolak) “บียอนด์ กระบี่” (Beyond Krabi) และ “บียอนด์ สมุย” (Beyond Samui) “เมือง” (City Series) ที่พักที่ผู้เข้าพักจะตื่นเต้นเร้าใจไปกับสีสันของเมืองแห่งแสงสีอย่าง “บียอนด์ ป่าตอง” (Beyond Patong)

ทั้งนี้ภายใต้ โปรเจกต์ “The Colors of Beyond” มีการ รีโนเวท “บียอนด์ กะตะ” ครั้งใหญ่  เพื่อให้เป็นรีสอร์ทเพื่อการพักผ่อนริมชายหาดที่ดีที่สุดบนหาดกะตะ ด้วยดีไซน์ร่วมสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการออกแบบอย่างดี บวกรวมกับการบริการมาตรฐานระดับโลก ผสานกลิ่นอายเสน่ห์ท้องถิ่นอันอบอุ่น เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัว และรองรับการจัดประชุม อีเวนต์ และ MICE อย่างลงตัว และยการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ “บียอนด์ สกายวอล์ค นางชี”  แลนมาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่เปิดตัวในปี 2567 นี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา ประเทศไทย โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของทะเลอันดามันและภูเขาเสม็ดนางชีอันยิ่งใหญ่