วันที่  8 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า การที่จะทำให้ตำรวจดี 2 มือต้องบาลานซ์กัน คุณภาพชีวิตตำรวจต้องดีขึ้น ยอมรับทุกวันนี้ตำรวจ 1,484 โรงพัก เป็นหนี้ท่วม เพราะสหกรณ์ตำรวจทุกจังหวัดส่วนใหญ่ถูกฉ้อโกง จนตำรวจชั้นผู้น้อย จ่าดาบ ร้อยเอก ร้อยโท หักเงินเดือนแล้วไม่มีเหลือ แถมติดลบอีก  นอกจากไวรัล “ขึ้นโรงพักไม่ต้องฝาก” “ผู้กำกับต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น มีคดีจะได้ไม่ต้องหันไปพึ่งสื่อ เพจ หรือ เอ็นฟลูเอ็นเซอร์” จะกลายเป็นที่พูดถึงในวงสังคม วันนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังบอกด้วยว่าตำรวจจะดีได้  2 มือต้อง balance กัน

พล ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คำว่า balance ก็คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของตำรวจควบคู่ไปกับการปฎิบัติหน้าที่ให้เข้าถึงใจประชาชน แต่อุปสรรคสำคัญของตำรวจวันนี้ก็คือเรื่องของคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่า เฝืองจักรทำงานจริงๆคือ จ่า ดาบ ตำรวจชั้นประทวน รองสารวัตร ฉะนั้นหากพวกเขาเหล่านี้ เป็นหนี้ชนิดติดลบ จะเอาพลังที่ไหนไปทำให้เรื่อง ขึ้นโรงพักไม่ต้องฝาก หรือ ชาวบ้านเดือดร้อนจะต้องมาพบผู้กำกับโรงพัก ผู้กำกับโรงพักต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ไม่ต้องไปหาอินฟลูเอ็นเซอร์ กัณจอมพลัง สายไหมต้องรอด ให้เกิดขึ้นได้ “เรื่องขวัญ สวัสดิการ ความเป็นอยู่ ต้องมาก่อน และผู้บังคับบัญชา จะนั่งแก้ปัญหาแต่ในห้องแอร์ไม่ได้ ต้องออกไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแหล่งเงินที่ดอกเบี้ยถูก เช่น ออมสิน เข้ามาทดแทน สหกรณ์ที่ดอกเบี้ยแพง ตำรวจจะได้มีเงินเหลือคนละ 3,000 4,000 เท่านี้ เมื่อเขาอยู่ได้ ทุกอย่างมันจะขับเคลื่อนทันที “


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างยกตัวอย่าง กรณีของ จังหวัดพัทลุง ตำรวจทั้งจังหวัด ถูกโกงสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ มา 40 กว่าปี เป็นจำนวนเงิน 1500 กว่าล้านบาท พอรับเรื่องร้องเรียนมาจากตำรวจชั้นผู้น้อย จึงลงไปสืบสวน สอบสวน กระทั่งพบได้ว่า ตำรวจทั้งจังหวัดถูกโกงสหกรณ์ตำรวจ เป็นจำนวนเงินถึง 1500 กว่าล้าน ตำรวจหักเงินเดือนใช้หนี้สหกรณ์ ติดลบแทบทั้งหมด

“ผมจับผู้ต้องหาทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่สหกรณ์รวมทั้งสิ้น 50 กว่าราย ยึดทรัพย์โดย ปปง. เป็นจำนวนเงิน 1200 กว่าล้านบาท แต่สุดท้ายสหกรณ์ก็จะล้มละลายอยู่ดี ดังนั้นการจับอย่างเดียวไม่ใช่การแก้ไขปัญหาให้กับตำรวจ ผมจึงต้องไปขอพบ ธนาคารออมสิน เพื่อขอกู้เงินดอกเบี้ยถูกจำนวน 300 ล้าน ดอกเบี้ย ร้อยละ 2.5 มาแทน ดอกเบี้ย 7.5 สหกรณ์จึงเกิดสภาพคล่อง ทุกวันนี้ตำรวจพัทลุงเกือบ 20 โรงพัก อยู่ได้ เพราะหักเงินแล้วยังเหลือประมาณ 3000 4000 บาท เขายืนได้”

 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หากมีโอกาสจะแก้ปัญหาสหกรณ์ตำรวจทั้งประเทศเพื่อให้ตำรวจได้เหลือเงินไว้ใช้จ่าย 3 พัน 4 พัน เขาจะได้มีกำลังใจมาดูแลประชาชน และสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องทำต่อไป ก็คือการเอาใจใส่และให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ถึงแนวทางในการบริหารจัดการเงิน เรียนรู้อย่างอดออมและพอเพียง ไม่สร้างหนี้เพิ่มเติม เมื่อไม่มีหนี้สิน การทุ่มทั้งกำลังใจและกำลังกายมาแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ก็จะทำได้อย่างสมบูรณ์และเข้าถึงประชาชนมากยิ่งขึ้น “ การแก้ปัญหาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชานั้น จะมัวนั่งแก้ปัญหาในห้องแอร์ไม่ได้ และถ้าหากตนมีโอกาส ก็จะเลือกทำในลำดับต้นต้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะมองว่าหากมีกำลังใจดีไม่มีหนี้สิน การทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฏร์ ก็จะทำได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ปัญหาหนี้สินของตำรวจเท่านั้น แม้กระทั่งเรื่อง รางวัลจากการออกใบสั่งผู้กระทำผิดด้านการจราจร ก็ต้องได้รับการแก้ไข เพราะที่ผ่านมาตำรวจเราถูกมองว่า จับเพื่อหวังเงินค่าปรับ เราต้องปรับทัศนคติตำรวจใหม่ว่า จับเพราะต้องการกวดขันชาวบ้าน ให้ลูกเต้าเขาได้สวมหมวกนิรภัย ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ เกิดความปลอดภัยทางถนน ส่วนเรื่องค่าปรับเป็นผลพลอยได้ ณ วันนี้ผ่านมา 20 ปีแล้วเงินรางวัลค่าปรับ ตำรวจจราจรยังได้รับเดือนละไม่เกิน10,000 บาท ซึ่งวันนี้ค่าเงินเฝ้อไปไกลแล้ว 

ส่วนนี้ต้องดูค่าเงินเฟ้อ แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อปรับเงินรางวัลให้กับตำรวจ อาจจะถึง 20000 ก็เป็นได้ และหากได้มาก็จะเป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติ เขาจะได้มีขวัญกำลังใจมาดูแลประชาชนไม่ต้องไปรีดไถ“ ที่สำคัญเงินรางวัลในการออกใบสั่งแต่ละใบนั้นไม่ว่าจะมากน้อย กี่สิบล้านบาท แค่ไหน แต่กฎหมายเขียนไว้ชัดว่า ตำรวจจะได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนไม่เคยรู้ และมอง ตำรวจจราจรที่กวดขันวินัย ไปในทางลบ” ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สองมือ balance กันนั่นเอง