ผบช.8 ลงพื้นที่ติดตามคดี หลังผ่านไป 7 วัน ยังไม่พบเจ้าของสนามชนไก่ดัง หายตัวปริศนา พี่สาวปักใจเชื่ออาจมาจากปมขัดแย้งเรืองเงินกู้ก่อนหายตัว
       

   กรณีนายขนบ สมหวัง หรือ นายหัวสมาร์ท อายุ 56 ปี เจ้าของสนามชนไก่สเตเดี้ยมสวี ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 ตำบลสวี อ.สวี จ.ชุมพร หายตัวไปพร้อมรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวทะเบียน กท 3424 ชุมพร หลังจากมีปากเสียงทะเลาะกับเมียคนแรกเรื่องขอเงินแล้วไม่ได้ และมีปากเสียงกับเจ้าหนี้เงินกู้ของญาติเมียคนที่ 2 ในอำเภอหลังสวน แล้วนายขนบได้หายตัวไประหว่างขับรถยนต์ออกจากบ้านเมียคนที่สองในอำเภอหลังสวน ในคืนวันที่ 1 ก.พ.67 ที่ผ่านมา 
         

  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบรถยนต์จอดทิ้งไว้ในป่าริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ตำบลหนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อตอน 6 โมงเย็นวันที่ 4 ก.พ.67 นั้น แต่ไม่พบ ”นายหัวสมาร์ท” เจ้าของรถ จนถึงขณะนี้ผ่านไปแล้ว 7 วัน ยังไร้วี่แวว
         

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 8 ก.พ.67 ที่สภ.นาสัก พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้มาติดตามคดีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก ได้รายงานสรุปความคืบหน้าของคดีให้ทราบ
     

    ภายหลังประชุม พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 กล่าวว่าหลังจากที่ นางวันเพ็ญ ธัญญพงศ์พานิช อายุ 64 ภรรยาของนายขนบ และนายสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปี ผู้เป็นพี่ชาย เข้าแจ้งความคนหายเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ก็ได้สืบสวนทั้งพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งไปพบรถจอดอยู่ที่ในป่าริมฝั่งโขงพื้นที่ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา จากหลักฐานเส้นทางการเดินรถเป็นคดีเกี่ยวเนื่องในหลายท้องที่จาก จ.สุราษฎร์ธานี ไปจนถึงภาคอีสาน คดีนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร.เข้ามาควบคุมคดี เพราะสามารถสั่งการประสานข้อมูลหลักฐานได้ทุกพื้นที่เกี่ยวเนื่องกับคดี ในส่วนพื้นที่มี พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เป็นผู้รับผิดชอบและติดตามคดีรายงานให้ทราบทุกวัน 
     

    พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวว่าวันนี้ถือเป็นการประชุมร่วมกันครั้งแรกของตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำรวจสืบสวนภาค 8 และมีตำรวจกองปราบปรามเข้าร่วมด้วย คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยเฉพาะการให้ข้อมูลจากของบุคคลใกล้ชิดทั้งนางวันเพ็ญภรรยาซึ่งเป็นบุคคลมาจากจังหวัดอื่นมาลงทุนทำสวนที่ จ.ชุมพร รวมถึงประวัติของนายขนบเอง และจากทั้งพี่ชาย พี่สาว เพื่อนสนิทของนายขนบ และข้อมูลจากสื่อมวลชน ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก 
         

  พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวว่าสำหรับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จากภายในรถยนต์ที่นำไปจอดทิ้งไว้ และภาพบุคคลที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดที่มีผู้ชาย 1 คน และหญิงสาวอีก 2 คน และจากหลักฐานสำคัญอื่นๆ ตอนนี้อยู่ในสำนวนหมดแล้ว ส่วนประเด็นการหายตัวไปของนายขนบนั้นตอนนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดประเด็กหนึ่งทิ้งได้ เพราะความเชื่อมโยงของคดีทุกอย่างเป็นไปได้หมด จึงต้องขอเวลาอีกสัก 3 วัน
     

    ขณะเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวน สภ.นาสัก ได้เชิญ นางวันเพ็ญ ธัญญพงศ์พานิช อายุ 64 ปี ” หรืออ้วน” ภรรยายของนายขนบมาสอบปากคำเพิมเติม ซึ่งใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ต่อนักข่าวแต่อย่างใด 
         

  ด้านนางอรวรรณ สุขภัคดี อายุ 58 ปี พี่สาวของนายขนบ กล่าวว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าน้องชายตนมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ตนเชื่อว่าน้องชายจะต้องมีการติดต่อกับพี่ชายและกับคนในครอบครัวอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ตนต้องพึ่งพาทั้งตำรวจ หมอดู และทางไสยศาสตร์ โดยหมอดูบางคนก็บอกว่าตายแล้วศพถูกฝัง บางคนก็ว่ายังมีชีวิตอยู่แต่ถูกขังไว้ ส่วนตนก็เชื่อ 50-50 แต่ตอนนี้ตนก็พึ่งหมอดูด้วย 
         

นางอรวรรณกล่าวต่อว่า การหายตัวไปของน้องชายตน ตอนนี้ตนยังมีความสงสัยทุกประเด็น ทั้งเรื่องภรรยาทั้งสองคน โดยเฉพาะเรื่องการทวงหนี้ที่เกิดปัญหารุนแรงก่อนที่น้องชายตนจะหายตัวไป เพราะน้องชายได้มาเล่าเรื่องเงินกู้ให้ฟัง ส่วนภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดมีผู้ชายขับรถของน้องชายไปทางภาคอีสาน และภาพผู้หญิงอีก 2 คน ขับไปร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม ตนเห็นแล้วยืนยันได้ว่าไม่รู้จักบุคคลทั้ง 3 คน และไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน
       

  ผู้สื่อข่าวรายว่า สำหรับสนามชนไก่สเตเดี้ยมสวี ตั้งอยู่ริมถนนเอเชีย 41 ตำบลสวี อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านภรรยาคนที่ 1 ของนายขนบ และสภ.นาสัก ประมาณ 35 กิโลเมตร จากการสำรวจพบว่าหลังเกิดเหตุยังปิดเงียบและไม่มีคนอยู่เฝ้าแต่อย่างใด.