เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 10 ก.พ. ที่ สน.ท่าข้าม พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อม พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม แถลงข่าวผลงานฝ่ายสืบสวนสนท่าข้ามจับกุมตัว นายมอส (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นายเพลง (สัญชาติลาว) อายุ 23 ปี นายพีระพัฒน์ หรือพี  อายุ 18 ปี และ นายวฤทธ์  อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ ที่ถูกโจรกรรมมาได้จำนวน 4 คัน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ ที่ใช้ตระเวนก่อเหตุ 1 คัน รถปิคอัพ ที่ใช้ในการขนของกลางไปขายให้ลูกค้า 1 คัน และเสื้อผ้าที่กลุ่มผู้ต้องหาสวมใส่เวลาก่อเหตุจำนวน 1 ชุด โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้จากการขยายผล ติดตามของกลางรถจักรยานยนต์ ที่ถูกโจรกรรมในพื้นที่ สน.ท่าข้าม สน.บางมด และ สน.บางขุนเทียน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา

พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาแก๊งดังกล่าว เริ่มตะเวนก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยตระเวนก่อเหตุไปหลายท้องที่ เลือกเอาเฉพาะ Honda รุ่น Wave ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ตามใบสั่งของเพื่อนบ้านประเทศลาว วิธีการก่อเหตุจะเลือกรถที่จอดไม่ล็อคคอ ไม่ล็อคล้อ ไม่ล็อคขาตั้ง จากนั้นนายมอสผู้ต้องหาซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี กับ นายเพลง ที่เป็นลูกจ้างร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ จะสลับสับเปลี่ยนกลับนายพีระพัฒน์ ไปร่วมกันก่อนเหตุ ด้วยการต่อสายตรง หากรถผู้เสียหายรายใดล็อคคอเอาไว้ ก็จะใช้เท้าถีบจนหักแล้วต่อสายตรงขับขี่ออกมา จากนั้นนำไปจอดพักคอยที่ลานจอดรถวัดชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนเอกชัย เพื่อรอ นายวฤทธ์ ขับรถปิคอัพมาขน ไปส่งขายให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดใกล้เคียงพรมแดนประเทศลาว

"จากการสอบถามผู้ต้องหากลุ่มนี้ทราบว่า รถที่โจรกรรมมาได้จะส่งขายในราคาสูงถึงคันละ 16,000-17,000 บาท จากนั้นจะนำเงินมาแบ่งกัน เพื่อใช้จ่ายรายวัน ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไม่มีผู้ใดมีประวัติเคยถูกจับกุมมาก่อน ในระยะเวลา 1 เดือนที่ร่วมกันก่อเหตุมานั้น สามารถโจรกรรมรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้านได้หลายสิบคันแล้ว เบื้องต้นจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย หากผู้เสียหายรายได้สงสัย ว่ารถตัวเองเคยถูกผู้ต้องหาแก๊งนี้โจรกรรมไปขอให้ประสานมาที่ สน.ท่าข้าม ได้ 24 ชั่วโมง" พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ กล่าว.