วันที่ 10  กุมภาพันธ์  2567 บริเวณวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เพื่อติดตามบรรยากาศในช่วงตรุษจีน  พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างหลั่งไหลมาร่วมทำบุญ ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ในช่วงเทศกาลตรุษจีน   โดยเฉพาะชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนทุกสารทิศในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวมาเลเซีย   ฮ่องกง  สิงคโปร์ 

ซึ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า ถ้าใครได้มากราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทฯ แห่งนี้ครบ 7 ครั้ง  อานิสงส์แห่งผลบุญจะส่งให้ได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ และยังมีสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันอยู่ที่ วิหารคลังล่าง” หรือ “วิหารจีน” ซึ่งตั้งอยู่ถัดลงมาจากพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ซึ่งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน มีความเชื่อกันว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สถิตของ "ซำปอกง" หรือองค์ไฉ่เซงเอี้ย ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวจีนทุกคน และยังเป็นสถานที่ออก "เตี๊ยบ" หรือพาสปอร์ตสวรรค์ ตามความเชื่อของชาวจีนอันในทั่วทุกสารทิศมีมากว่า 380 ปี อีกด้วย
               

ทั้งนี้  “เตี๊ยบ” หรือ “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ตามความเชื่อของชาวจีนอันมีมากกว่า 380 ปีแล้วซึ่งเชื่อกันว่า “เตี๊ยบ” ที่วัดพระพุทธบาทออกให้จะเป็นหนังสือแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ถ้าตายแล้วมี “เตี๊ยบ” ไปด้วยชีวิตหลังความตายจะดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง ไร้มารร้ายมารบกวน และยังเชื่อว่าจะได้บุญสูงได้ทดแทนคุณบิดามารดาที่ดี ถ้าทำบุญซื้อ “เตี๊ยบ” ให้ท่านเพื่อใช้เป็นใบเบิกทางไปสู่แดนสวรรค์ ดังนั้นทั้งชาวจีนในไทยหรือต่างประเทศต่างก็ถือเป็นประเพณีที่ต้องเดินทางมาไหว้บูชาพระพุทธบาททุกปี พร้อมกับทำบุญของรับ “เตี๊ยบ” ให้ตนเอง บุพการี หรือญาติสนิทมิตรสหาย และนำ “เตี๊ยบ” มารับตราประทับต่ออายุด้วยทุกปี กล่าวกันว่าเตี๊ยบหรือพาสปอร์ตที่ออกโดยวัดพระพุทธบาท  ขลังและศักดิ์สิทธิ์กว่าที่อื่นใดโลกชาวจีนจากทุกมุมโลกหรือชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาพุทธต่างหลั่งไหลมาที่นี่นับว่าเป็นหนึ่งเดียวในไทย  มีความเชื่อว่า การมาประทับตราเตี๊ยบสวรรค์นั้นถ่อว่า เป็นสิ่งเป็นมงคลที่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ได้สืบทอดมาเป็นเวลายาวนาน จนส่งมาถึงรุ่นปัจจุบัน จะทำให้มีความสุขในการใช้ชีวิต  มีสิ่งดี ๆๆเข้ามาในชีวิต การประทับเตี๊ยบสวรรค์ อีกครั้งโดยที่มาขอพรจากสิ่งศักดิ์ที่ตนเองนับถือ และเชื่อถือมาโดยตลอด ขอให้มีความสุข ความเจริญ  ทำสิ่งใด ๆๆก็ให้อย่าติดขัด  และตนเองเชื่อว่า สิ่งดี ๆๆจะเข้ามาในชีวิต  
               

และในช่วงเดือนนี้ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ยังได้จัดงานประจำปีนมัสการรอยพระพุทธบาทด้วยซึ่งมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน โดยรอยพระพุทธบาทนี้อยู่บนยอดเขาสุวรรณบรรพต พบในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2135- 2137) เมื่อครั้งพรานบุญเข้าไปล่าสัตว์ในป่ายิงกวางได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบเข้าไปดื่มน้ำเร้นลับบนยอดเขาแล้วหายเป็นปกติ จึงเข้าไปตรวจพบรอยเท้าขนาดใหญ่ มีน้ำใสสะอาดขังอยู่จึงกลับกราบทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมพระองค์ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรและทรงโปรดให้สร้างมณฑปน้อยครอบรอยพระพุทธบาทไว้และทรงสร้างวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีเป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิด ราชวรวิหารขึ้นในเวลาต่อมา โดยพระองค์ทรงพระราชดำเนินมานมัสการเป็นประจำทุกปี ประชาชนจึงถือปฏิบัติติสืบต่อกันมา โดยการนมัสการพระพุทธบาทจะมีขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ  ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 3 ถึงแรม 1 ค่ำเดือน 3 และ  ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ถึงวันแรม 1 ค่ำเดือน 4

​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​