กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,    พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ  รอง ผกก.4 บก.ปอศ.  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ.  ร่วมกันจับกุม น.ส.กัญญภา หรือ สุวัลลย์สาฯ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 132/2564 ลง 29 มีนาคม 2564 ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”  ที่ ต.สำนักขาม  อ.สะเดา จ.สงขลา
 
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2559 มีกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ บริษัทฯ เอกชน เเห่งหนึ่งซึ่งประกอบธุรกิจทางการเงิน พร้อมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ร่วมกันหลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) ในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่สถาบันการเงินจะพึงจ่ายให้ได้

โดยบริษัทฯ ดังกล่าว มี น.ส.กัญญภา หรือสุวัลลย์สา (ผู้ต้องหา), หญิงชาวไทย และ 2 ชาวมาเลเซีย รวมจำนวน 4 คน เป็นกรรมการร่วมกันก่อตั้งบริษัทฯ โดยผู้ต้องหากับพวกมีการอ้างว่าบริษัทฯ ตนเอง มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นได้หลอกลวงให้ร่วมเทรดฟอเร็กซ์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยอ้างว่าจะนำเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนไปทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ในต่างประเทศ จำนวน 2 โบรกเกอร์ คือ ไอรอนเอฟเอ็กซ์ (Iron FX) และ เอฟเอ็กซ์-ไพรมัส (FX PRIMUS) ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับ คือ ค่านายหน้าในการซื้อขายแต่ละครั้ง พร้อมกับส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และในส่วนของการลงทุนจะต้องจ่ายเงินก่อน 30% เพื่อจองพอร์ตการลงทุน ส่วนอีก 70% จะชำระให้โบรกเกอร์ ไอรอนเอฟเอ็กซ์ (Iron FX) 40% เอฟเอ็กซ์-ไพรมัส (FX PRIMUS) 30% ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ หลังจากนั้นบริษัทจะจ่ายผลตอบแทนรายเดือนมากน้อยตามอัตราส่วนกำไรที่ได้จากการซื้อขาย ซึ่งหากลงทุนมากก็จะได้รับผลตอบแทนมาก ภายหลังจึงมีผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ถึง 6 ล้านบาท ต่อคน ซึ่งในช่วงสามเดือนแรกผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนจากนั้นบริษัทฯ จริง แต่หลังจากนั้นทางบริษัทฯ เริ่มมีข้ออ้างและไม่จ่ายเงินคืนพร้อมกับได้ปิดบริษัทหลบหนีไป        


​พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับกรรมการบริษัทดังกล่าว จำนวน 4 ราย ประกอบด้วยคนไทยจำนวน 2 ราย และ ชาวมาเลเซียจำนวน 2 ราย จากการสืบสวนพบว่า ชาวมาเลเซียทั้ง 2 รายได้หลบหนีออกนอกประเทศทันทีที่บริษัทมีปัญหา ในส่วนของคนไทยประกอบด้วย น.ส.กนกรัชต์ฯ ได้ถูกจับและดำเนินคดีไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังคงเหลือ น.ส.กัญญภา หรือสุวัลลย์สา (ผู้ต้องหา) ที่ยังหลบหนีการจับกุมเรื่อยมา


​ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.4 บก.ปอศ. จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีและมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จึงได้นำกำลังลงจับกุมผู้ต้องหารายนี้ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


​จากการตรวจสอบพบมีผู้เสียหายกว่า 250 ราย ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทฯกับพวก ในความผิดฐานเดียวกันนี้ มูลค่าความเสียหายรวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท
 
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา​