ตำรวจไซเบอร์ เตรียมใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เสียงหลอกคุยโทรศัพท์ก่อนดูดเงินภายใน 2 นาที ยันที่ผ่านมากว่า 400,000 เคสไอดี ทั่วประเทศ ยังไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนสมาคมธนาคารยื่นหนังสือยืนยันว่ากรณีนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น ธนาคารยังมีความปลอดภัยอยู่

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์ อดีตแก๊งคอลเซนเตอร์ เข้าพบ พลตำรวจตรีชัชปัณฑกาณฑ์  คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ให้ตรวจสอบกรณีที่มีข้อมูลว่า ปัจจุบันแก๊งคอลเซนเตอร์มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า สามารถดูดเงินออกจากบัญชีเหยื่อได้ด้วยการพูดคุยเพียง 2 นาที โดยไม่ต้องกดลิงก์และไม่ต้องกดแอปพลิเคชันใด ๆ

ทันทีที่มาถึงตำรวจไซเบอร์ได้เชิญตัวอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปพูดคุยข้อมูลเบื้องต้นในห้องประชุม หลังพูดคุยกัน 30 นาที / พลตำรวจตรีชัชปัณฑกาณฑ์  คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ให้สัมภาษณ์เบื้องต้น บอกว่าวันนี้เชิญทีมงานสายไหมต้องรอดและอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาให้ข้อมูลและมาสอบถามในเชิงลึก เพราะแหล่งที่มาเกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ข้อมูลของกรณีนี้เกิดความมั่นใจและชัดเจน ตำรวจจะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะดูข้อมูลว่าเป็นจริงหรือไม่

และจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 1 ปี กรณีที่เคยเกิดขึ้นกว่า 40,000 เคสไอดีของ สอท.1 ตำรวจไซเบอร์ได้ตรวจสอบแล้วยังไม่เคยเกิดเคสลักษณะนี้ และจากการตรวจสอบลึกลงไปทั่วประเทศกว่า 400,000 เคสไอดี ในระยะเวลา 1 ปี ที่มีความเสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่ายังไม่มีการแจ้งความในลักษณะนี้ ขณะที่สมาคมธนาคารก็มีหนังสือยืนยันมาแล้วว่าการใช้เสียงพูดคุยเพียงแค่ 2 นาที แล้วดูดเงินออกไป กรณีนี้ยังไม่เกิดขึ้น และธนาคารก็ยังมีความปลอดภัยอยู่ แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาหากประชาชนคนไหนที่เคยถูกดูดเงินจากบัญชีออกไป โดยที่ไม่ได้กดลิงก์หรือไม่กดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น สามารถแจ้งความเอาผิดกับธนาคารได้ และทางธนาคารก็จะเยียวยาให้ผู้เสียหาย

ด้าน นายเอกภพ บอกว่ากรณีนี้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ต้องการให้ผู้เสียหายคุยโทรศัพท์โดยใช้เวลา 2 นาทีขึ้นไป ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเริ่มดูดเงิน และที่ออกมาพูดวันนี้ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อยากให้ตื่นรู้ว่ากลุ่มมิจฉาชีพล้ำหน้าไปมาก เหมือนก่อนหน้านี้ตนก็เคยเตือนเรื่องการกดลิงก์และถูกดูดเงินออกจากบัญชี ซึ่งเป็นจริงในที่สุด เช่นเดียวกับเรื่องนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าเพิ่งปฏิเสธหรือออกมาตอบโต้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะควรทำให้ประชาชนมั่นใจและรู้สึกปลอดภัย