จากกระแสตามรอยละครดังจึงปฏิเสธไม่ได้ ว่า “อยุธยา” เวลานี้จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางในช่วงวันหยุดของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางไปชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งได้ใส่ชุดไทยสวยๆ ถ่ายรูปกับมุมยอดฮิตทั้งช่วงกลางวัน จนถึงพระอาทิตย์พลบค่ำก็มีความสวยไม่แพ้กัน

ยิ่งไปกว่านั้นจากเมืองที่มีเอกลักษณ์ด้วยสถาปัตยกรรมโบราณ ในรอบเกาะกรุงเก่า เริ่มขยายออกนอกเมืองรอบๆ ศูนย์ราชการ มีทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา ตรงข้ามกับศูนย์ราชการและโรงแรมเซ็นทารา อยุธยาที่เพิ่งเปิดบริการไม่นานนัก แต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งนักท่องเที่ยว และกลุ่มลูกค้าในจังหวัด ด้วยมีบริการมากมายที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกระดับได้อย่างลงตัว

สายมูวันอังคารไม่ควรพลาดวัดนี้

โดยเฉพาะการเดินทางที่สะดวกสบายจากรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงจุดหมายปลายทางแบบชิลชิล ระหว่างทางก่อนจะถึงที่พักแวะเที่ยวที่ วัดใหญ่ชัยมงคล  ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น รัชสมัยของ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง  เดิมชื่อวัดป่าแก้ว ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รับการขนานนามว่า ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’เป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นตามคำแนะนำของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชแห่งพม่า เจดีย์ที่สร้างนี้มีชื่อว่า เจดีย์ชัยมงคล  พิเศษสุดมีคนกระซิบมาว่า  สายมูคนไหนที่เกิดวันอังคาร ต้องไปไหว้ขอพรเรื่อง การงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก  

วัดใหญ่ชัยมงคล 

หลังจากเดินอ้อยอิ่งชมวิวทิวทัศน์และไหว้พระเสริมมงคลแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยัง วัดพนัญเชิงวรวิหาร ที่อยู่ห่างกันไม่มากนัก วัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท อยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้จังหวัดนี้ จะทราบดีว่า ใครขอพรไปจะสัมฤทธิ์ผลตามคำอธิษฐานไม่มากก็น้อย ซึ่งส่วนใหญ่คนนิยมไปกราบไหว้ หลวงพ่อโต  หรือ หลวงพ่อซำปอกง  หรือชื่อเป็นทางการ ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา ประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า เป็นวัดที่สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี

 วัดพนัญเชิงวรวิหาร

ทั้งนี้ยังมีตำนานเล่าอีกว่า  สมัยพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ผู้ครองอโยธยา พระเจ้ากรุงจีนได้ยกพระราชธิดาบุญธรรมนามว่า พระนางสร้อยดอกหมาก มาให้อภิเษกสมรส แล้วมีเรื่องราวตำนานเกิดขึ้น ซึ่งบริเวณศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นอาคารเก๋งจีน คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ขอเรื่องการงาน และขอบุตรธิดา เมื่อได้สมความปรารถนาแล้ว ให้นำผ้าแพร ไข่มุก เครื่องสำอาง เรือสำเภาจำลอง หรือเชิดสิงโตมาถวาย

ผู้บริหารโรงแรมเซ็นทารา อยุธยา

ภายหลังจากเที่ยวชมวัดทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยก็เดินทางไปยัง โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันรับประทานอาหารมื้อเที่ยงแสนอร่อย ที่  HOUSE OF KIN เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining  เปิดบริการตั้งแต่ 06.30 น. ถึง 23.00 น. ส่วนโรงแรมมีทั้งหมด 20 ชั้น ให้บริการห้องพักขนาดกว้างขวางจำนวน 224 ห้อง เริ่มตั้งแต่ห้องดีลักซ์ ขนาด 30 ตารางเมตร ไปจนถึง ห้องเอ็กเซ็กคูทีฟสวีท ขนาด 63 ตารางเมตร ห้องพักทุกห้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างความสง่างามร่วมสมัยและเสน่ห์ของความเป็นอยุธยาแบบดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Diwa Rooftop Bar & Restaurant

ขณะที่ในช่วงค่ำคืนที่ประทับใจไม่รู้ลืม กับมุมใหม่ของ “อยุธยา”  Diwa Rooftop Bar & Restaurant ห้องอาหารและบาร์ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 20 ของโรงแรมให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยกับอาหารไทยฟิวชั่น พร้อมเพลิดเพลินกับวงดนตรีสดทุกสุดสัปดาห์ ไปพร้อมๆ กับวิวสวยตระการตาของเมืองชมพระอาทิตย์อัสดง และชมทะเลดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ เพราะอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในอยุธยา ณ เวลานี้

ทะเลดาวระยิบระยับในจุดที่สูงที่สุดในอยุธยา

รวมไปถึงเมนูอาหารที่เชฟรังสรรค์ อาทิ ผัดไทยทาโกะ เสิร์ฟมาเป็นคำๆแบบทาโกะยากิของญี่ปุ่น พอได้เคี้ยวจะรับรู้รสชาติของก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ส่วนรสชาติ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา เชฟ เสิร์ฟมาเป็น ซี่โครงหมูก๋วยเตี๋ยวเรือ  สำหรับจานหลักที่อิ่มท้องและอร่อยมากๆ คือ สปาเก็ตตีไก่ใต้น้ำ เส้นแบนผัดกับพริกแกงเหลือง เสิร์ฟกับไก่ใต้น้ำ คล้ายๆข้าวซอยของทางภาคเหนือ  

อาหารไทยฟิวชั่น

เลาะรอบกรุงเก่าไหว้พระเสริมมงคล

เช้าวันใหม่กับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ก่อนจะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ แวะ วัดไชยวัฒนาราม ชมโบราณสถานที่สร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173 แม้ว่าปัจจุบันจะทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความงดงามและยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม โดยได้ชื่อว่าเป็นอีกวัดที่สวยงามที่สุดของกรุงศรีอยุธยา โดยวัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) และเจ้าฟ้าสังวาลย์อีกด้วย  

วัดไชยวัฒนาราม

ด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และความงดงามของสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ใครหลายๆ คนหลงไหลที่จะจะได้ใส่ชุดไทยสวยๆ มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมุมยอดฮิตในการถ่ายรูปที่วัดไชยวัฒนาราม อยู่ที่หน้าวัด บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา หันหน้ากลับเข้ามาทางวัด จะเห็นปรางค์ประธานองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง มาดูช่วงกลางวันก็ว่าสวยแล้ว ช่วงย่ำค่ำ พระอาทิตย์ตกดินมีการเปิดไฟส่องสว่างรอบๆ วัด ยิ่งทำให้องค์พระปรางค์ดูงามอร่ามโดดเด่นเสียยิ่งกว่าตอนกลางวัน 

ใส่ชุดไทยสวยๆ มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เมื่อมาถึง “อยุธยา” ทั้งทีไม่พลาดที่จะลิ้มลองรสชาติก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดังใจกลางเมืองอยุธยา “ก๋วยเตี๋ยวเรือกรุงเก่า” ริมคลองมะขามเรียง จริงๆอยุธยามีหลายร้านก๋วยเตี๋ยวเรือมาก ลัดเลาะกินไม่หมด แต่ก็เลือกถามจากคนในพื้น ซึ่งร้านนี้เป็นหนึ่งในนั้น อยู่หัวมุมสี่แยกคลองมะขามเรียง หลังโรงพักอยุธยา เห็นชามก๋วยเตี๋ยวยักษ์อยู่หน้าร้าน พนักงานพูดไพเราะตั้งแต่เข้า  นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีผัดไท ส้มตำและของคบเคี้ยวให้เลือกมากมาย โดยก๋วยเตี๋ยวรสชาติเข้มข้นทั้งน้ำและแห้ง

หลังจากเติมพลังเป็นที่เรียบร้อย ก็ขับรถชมวิวเมืองเห็นช้างกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ก่อนจะเดินทางไปยัง วัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติการสร้างมาตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา มีการวางผังตามความนิยมของวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น คือ มีพระปรางค์องค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ศิลปะอยุธยาตอนต้นผสมศิลปะแบบขอม มีระเบียงคดล้อมรอบ ภายในระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นเรียงรายอยู่โดยรอบ ด้านข้างพระปรางค์ มีมณฑปเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ส่วนด้านหน้าก็มีพระวิหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าพระประธาน ส่วนด้านหลังเป็นโบสถ์ เหตุที่วัดนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลายในช่วงการเสียกรุงครั้งที่ 2 เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่นอกเมือง จึงทำให้ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุหลงเหลือให้เห็นได้อีกมากมาย แม้ว่าจะมีบางส่วนพังทลายลงไปบ้างก็ตาม

วัดพุทไธศวรรย์

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวอยุธยา ในครั้งนี้สุดประทับใจ เพราะได้เห็นเมืองที่กำลังขยาย และวัดอีกมากมายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ในลิสต์ที่จะต้องหาโอกาสไปอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อเก็บเกี่ยวความสุขที่หาได้ไม่ยากนักในเมืองแห่งนี้