สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

เกิดจากนรกขุมไหนหนอ ถึงได้เหิมเกริมกระทำการย่ำยีหัวใจคนไทยที่มีความผูกพันจงรักภักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ถึงเพียงนี้ …*…

ภาพข่าวการป่วนขบวนเสด็จฯที่มีการแชร์ไปทั่ว สะท้อนให้เห็นชัดถึงพฤติกรรมของอมนุษย์เหล่านี้ว่าไม่ได้มีเพียง “ความคิดต่าง” ต่อสถาบันอย่างที่บางพรรคการเมืองพยายามใช้วาทกรรมโน้มน้าวให้สังคมเข้าใจเช่นนั้น หากแต่จริงๆ แล้ว  มี “ความคิดชั่ว”ต้องการคุกคามสถาบัน …*…

“ผมเชื่อว่าที่กลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวแสดงพฤติกรรมแบบนี้ เขาไม่ได้ออกมาเอง แต่มีขบวนการที่อยู่เบื้องหลัง ขอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และวันที่เราทำคดีให้ถึงที่สุด จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานละเอียด นอกจากนี้ได้พูดกับทีมงานว่า อย่าไปเร่งทำ เพราะอาจผิดพลาดเหมือนกับที่ผ่านมา ดังนั้นขอเวลาอีก 2 วัน จะได้เห็นว่าตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา และจะมีหมายจับต่อไป” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุ …*…

ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรีในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิงหมัดตรงไปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรคก้าวไกล ว่าได้ฟังคำให้ให้สัมภาษณ์ของนายพิธาเกี่ยวกับเหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จฯแล้วรู้สึกไม่สบายใจที่ นายพิธา พยายามใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่มาแบ่งแยกคนในสังคม เพราะกรณีนี้ เป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสิ่งที่ นายพิธา ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นอดีตนายประกันให้กับผู้ก่อเหตุ และเคยอภิปรายสนับสนุนในสภา ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ กับการกระทำดังกล่าวที่เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยเป็นจำนวนมาก …*…

“ผมจึงอยากบอกกับนายพิธาว่า ขอให้เลิกใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่กับคนทุกรุ่นได้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นไหน แต่มันเป็นเรื่องของคนที่ทำผิดกฎหมายและเป็นเรื่องของคนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อย่าใช้วาทกรรมมาปลุกระดมคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วย และรังเกียจกับการกระทำในครั้งนี้”โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติฝากถึงนายพิธา …*…

สอดรับกับท่าทีของวุฒิสมาชิก ซึ่งนายวันชัย สอนศิริ สว. ชี้ถึงเหตุป่วนขบวนเสด็จฯที่เกิดขึ้นว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและย่ำยีความรู้สึกของประชาชนประชาชนคนไทย เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ประณาม ต่อการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือพรรคการเมืองบางพรรค และประชาชน มีความรู้สึกว่า ย่ำยีหัวใจประชาชนคนไทยเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุดเราอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพเทิดทูนบูชา เพราะฉะนั้นพฤติกรรมใดๆที่มีการล่วงละเมิด จาบจ้วง มองได้เลยว่าเป็นพฤติกรรมเกินกว่าที่คนไทยจะรับได้ …*…

“แม้จะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ศักดิ์ศรีความมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่เป็นที่เคารพของคนไทยไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ถามว่าเรื่องอย่างนี้จะทำอย่างไร ซึ่งในทางกฎหมายถือว่ากระทำผิด แต่สิ่งที่สังคมไทยรวมทั้งองค์กรต่างๆทุกภาคส่วนการที่จะยับยั้งคือการปฏิเสธการกระทำของบุคคลเหล่านี้และประณามการกระทำของบุคคลเหล่านี้ และใครก็ตามที่สนับสนุนหรือมีส่วนเห็นด้วยเราต้องช่วยกันประณาม และตะโกนออกมาดังๆให้คนพวกนี้ไม่กระทำอีก และไม่ควรจะมีที่ยืนในสังคมถ้าใครมีพฤติกรรมอย่างนี้ ถ้าใครเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องสั่งสอนลูกของตนเอง”นายวันชัยให้ความเห็นพร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าคนไทยส่วนใหญ่ล้วนประณามต่อการกระทำครั้งนี้ …*…

ส่วนที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นขบวนเสด็จฯ ไม่ได้จงใจไปป่วนนั้น นายวันชัย กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น เท่าที่ดูจากคลิปและพฤติกรรมพูดไว้ชัด กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา สิ่งที่เกิดขึ้น การดำเนินการต่างๆ ใครก็รู้ และตัวเองก็น่าจะรู้ได้ว่าเป็นขบวนเสด็จฯ และตำรวจก็แจ้งอยู่แล้ว ก็ยังมีพฤติกรรมที่สวนกับตำรวจ คนทั่วไปเขารู้ว่าคุณกำลังทำอะไร …*…  

และจากเหตุป่วนขบวนเสด็จฯที่เกิดขึ้นได้ส่งผลถึงการตรากฎหมายนิรโทษกรรม โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่มีคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง และมีบางพรรคการเมืองได้สนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมสามารถทำได้ แม้ในอดีตก็เคยมีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้น แต่ประเด็นสำคัญคือถ้าจะมีการนิรโทษกรรมในอนาคต ควรครอบคลุมความผิดในลักษณะใดบ้าง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญ ซึ่งการนิรโทษกรรมต้องไม่รวมคดีทุจริตคอร์รัปชั่น และคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งคดีอาญาร้ายแรง เพราะจะทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมาย และกลายเป็นการส่งเสริมการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว นำไปสู่การขยายความขัดแย้งแตกแยกมากกว่าการสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะเมื่อเกิดการป่วนขบวนเสด็จ ยิ่งเป็นการตอกย้ำการไม่สมควรนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และตนขอเสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ รับไปพิจารณาด้วย

ที่มา:เจ้าพระยา (15/02/67)