วันที่ 15 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ กก.ดส. พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพลตำรวจตรี นพศิลป์พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลฝ่ายสืบสวน และพันตำรวจเอก ศานติ กรเกษม ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ได้ทำการแถลงผลการตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง  ย่านจังหวัดนนทบุรี สามารถจับกุม นายสุทธิชัย  อายุ 39 ปี ผู้จัดการบริษัท และนายโกเมน อายุ 46 ปี ผู้ดูแลการผลิต พร้อมของกลางน้ำคราฟโซดาที่มีพืชกระท่อมผสมอยู่ บรรจุอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท จำนวนประมาณ 30,000 ขวด และอุปกรณ์การผลิต เช่น ถัง keg ภายในบรรจุเครื่องดื่มผสมกระท่อม, หม้อต้มน้ำกระท่อมขนาดใหญ่, เครื่องปิดฝาขวด


    
โดยการการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส. สืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำกระท่อม โดยใช้ชื่อภายใต้แบรนด์หนึ่งซึ่งมีหลายสาขา และหลายท้องที่ ใน กทม.จึงทำการสั่งมาเพื่อตรวจพิสูจน์ ผลตรวจพบว่ามีสารไมทราไจนีน ซึ่งเป็นสารในพืชกระท่อม จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายค้นโดยได้เข้าทำการจับกุม ผู้ต้องหา และตรวจค้นโรงงาน เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าค้นบริษัทผลิตคราฟโซดาแห่งหนึ่ง จังหวัดนนทบุรี จากการตรวจสอบพบตัวนายสุทธิชัย แสดงตัวเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และมีนายโกเมน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลควบคุมการผลิต 

ทั้งนี้ภายในบริษัทดังกล่าว ลักษณะเป็นห้อง แบ่งเป็นสัดเป็นส่วน อาทิ สำนักงาน, พื้นที่โล่งสำหรับพักของรอส่ง, ห้องเก็บบรรจุภัณฑ์, ห้องผลิตเครื่องดื่ม, บริเวณพื้นที่นอกไลน์ผลิต, โถงทางเดิน, พื้นที่หน้าห้องล้างอุปกรณ์, ห้องเก็บสินค้าสำเร็จรูป, ทางเดินหน้าห้องเก็บบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับผลิตเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของพืชกระท่อมอัดแก๊สบรรจุอยู่ในขวดแก้วสีขุ่น หลายยี่ห้อ หลายรสชาติ พร้อมด้วย อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับผลิต, อุปกรณ์บรรจุ และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต รวมถึงสูตรผลิตในสมุดบันทึกเล่มสีที่มีการจดด้วยลายมือ ซึ่งส่วนมากมีส่วนผสมของพืชกระท่อมและกัญชา

จากการสอบถามผู้ต้องหา รับว่าทางบริษัท เป็นผู้ผลิตต้มน้ำกระท่อมดังกล่าว เพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มโซดาคราฟ บางยี่ห้อ ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจริง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากล่าวหา รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกัน ผลิตเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายอาหาร ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องตาม พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ม.6(10) โทษตาม ม.51   2.ร่วมกัน ผลิต เพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายอาหารปลอม ที่มีฉลากเพื่อลวง หรือพยายามลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิด ในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ ประโยชน์ หรือลักษณะพิเศษอย่างอื่น หรือในเรื่องสถานที่และประเทศที่ผลิต พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ม.27(4) และ ม.25(2) โทษตาม ม.59  และ  3.ร่วมกัน มีวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหารเพื่อป้องกันมิให้อาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่ายหรือที่จำหน่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ (สุขลักษณะสถานที่ผลิตอาหารไม่ผ่านเกณฑ์ GMP ตามที่กฎหมายกำหนด) พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ม.6(7)   ส่วน 4.ร่วมกัน ผลิตและจำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสม พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ม.6(8) โทษตาม ม.50 ก่อนตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
     
โดย พลตำรวจโทสำราญ กล่าวต่อว่า ในส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ได้มีการสั่งการให้มีการขยายผล ตรวจสอบไปยังผู้ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ที่อาจจะเข้ามาเป็นส่วนช่วยในการโฆษณาสินค้าเหล่านี้ให้กับประชาชน หรือชักชวนให้มีการซื้อเครื่องดื่มที่มีการผสมน้ำกระท่อม ต้องถูกดำเนินการทางคดีด้วยเช่นกันและการจำหน่ายน้ำกระท่อมในทุกรูปแบบทั้งที่ผสมและไม่ผสม เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายอนุญาตให้จำหน่ายแค่ตัวใบไม่ให้มีการแปรรูปใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเคสนี้ที่พบว่ามีใบอนุญาตจาก อย. จากการสืบสวนพบว่าผู้ประกอบการมีการยื่น ขออนุญาตทะเบียน อย. อีกสูตรหนึ่ง แต่เมื่อมีการขายจริงกลับมีการผสมโดยไม่มีการใช้สูตรเดิมที่มีการขออนุญาตไว้ ดังนั้นจึงถือว่ามีความผิดในเรื่องของเลขที่ใบอนุญาตด้วยเช่นกัน


       
นอกจากนี้ในเวลาเดียวกัน ทางตำรวจ ดส. อีกชุดได้ร่วมกับตำรวจสน.หัวหมากบุกเข้าจับกุม โรงงานผลิต น้ำกระท่อม โรงงานใหญ่ ภายในซอย หัวหมาก 13 แขวงหัวหมากเขตบางกะปิ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นโรงงานขนาด ขนาดใหญ่ภายใน มี กองขวดพลาสติกที่ยังไม่ได้บรรจุ วางอยู่ด้านหน้าจำนวน 30,000 กว่าขวด ขนาดที่ บริเวณด้านใน มี ขวดน้ำกระท่อมซึ่งบรรจุ เรียบร้อย แล้วพร้อมจำหน่าย กว่า 500 ขวดพร้อม ใบกระท่อม เตรียมการต้มอีกกว่า 300 กิโลกรัม พร้อมอุปกรณ์การต้ม

โดยสภาพของโรงงาน ไม่ถูกสุขลักษณะ สกปรก เป็นอย่างมาก มีการวางของบนพื้น ระเกะระกะ น้ำทิ้งเจิ่งนองทั่วบริเวณพื้น  ส่งกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งทั้งโรงงาน ซึ่งจากการขยายผลพบว่า ใบกระท่อมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ถูกส่งมาจากหลายพื้นที่ทั้งในพื้นที่มีนบุรีน ,ครปฐม,ฉะเชิงเทรา สำหรับโรงงานแห่งนี้พบว่ามีการลักลอบต้มน้ำกระท่อมจำหน่ายมานานกว่า 1 ปีแล้ว โดยจะมีพ่อค้ารายย่อยเข้ามารับไปจำหน่าย และมีการจัดส่งไปยังร้าน จำหน่ายน้ำกระท่อมรายย่อย ในพื้นที่โซน หัวหมาก รามคำแหง หนองจอก และมีนบุรี มีกำลังการผลิตวันละ 1,000 ขวด ราคา 35 บาท โรงงานซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลไปยังเจ้าของโรงงานว่าใครเป็นเจ้าของ เบื้องต้นพบว่าเป็นคนใต้ อยู่ระหว่างการเรียกตัว มาสอบปากคำว่าเป็นเจ้าของใช่หรือไม่