เมื่อเวลา 17.07 น.วันที่ 15 ก.พ. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 1/2567 ว่า ที่ประชุมรับทราบถึงหนังสือจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้ดำเนินการตามข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. โดยตั้งคณะทำงาน และมอบหมายให้เลขานุการรวบรวมข้อเท็จจริงตามข้อสังเกตต่างๆ มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการทุจริต 

โดยที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ ด้านการตรวจสอบการกระทำ อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งจะมีบุคคลที่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยคณะกรรมการทุกท่านเห็นด้วยกับรายชื่อของอนุคณะกรรมการชุดนี้  ทั้งนี้คณะทำงานด้านการรวบรวมข้อเท็จจริง ได้กำหนดระยะเวลาไว้ 30 วัน ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นจะมีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet อีกครั้ง เพื่อเอาข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.เข้าอย่างเป็นทางการและพิจารณาเดินหน้าโครงการ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป 

ทั้งนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการหลายท่าน เช่น ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เพิ่งเห็นรายละเอียดจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและ ป.ป.ช.ในวันนี้ ขอนำไปพิจารณาศึกษาก่อน ซึ่งตนยืนยันว่าได้ ให้ผู้ว่าธปท.ไปศึกษาให้เต็มที่และพิจารณาตามข้อเท็จจริง ถ้าหากมีข้อสังเกตการณ์หรือมีข้อเสนอแนะอะไรให้บอกมา 

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการถกเถียงกันในวงกว้าง ไม่มีการตัดความเห็นหรือข้อเสนอแนะของใคร  ซึ่งได้มีการพูดคุยกันอย่างครบถ้วน ไม่ใช่แค่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) แต่ยังมีกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดีอีที่มาให้ข้อมูลถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่เนื่องจากข้อมูลของ ป.ป.ช.เพิ่งมาถึงมือ และหลายข้อมูลเป็นข้อมูลลับที่นำมาเปิดเผยในที่ประชุมวันนี้ ซึ่งคณะกรรมการหลายท่านขอไปศึกษาก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ครบถ้วน

เมื่อถามว่า ในข้อเสนอของ ป.ป.ช. ระบุว่าไม่ควรที่จะกู้เงินควรใช้งบประมาณปกติ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกอย่างเรามีการพิจารณาใหม่หมดให้ทุกท่านได้มีการเสนอแนะในวงกว้าง มีการพูดคุยถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ เรื่องจีดีพีที่ต่ำกว่าปกติ เรื่องดอกเบี้ยและหลายๆ เรื่อง 

เมื่อถามว่า ครบ 30 วันจะมีการคุยกันอีกครั้งใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการระบุจะต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันในวงนอก เพื่อความโปร่งใสและทุกฝ่ายจะได้มีข้อเสนอแนะที่ชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่า หลังกรอบเวลา 30 วันจะเกิดความชัดเจนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็น่าจะต้องมี เพราะเป็นข้อกำหนด เมื่อสักครู่ในที่ประชุมก็ตกลงกันอย่างนั้น 

เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะออกเป็นพ.ร.บ. เงินกู้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย ซึ่งต้องมีความคิดเห็นว่าจะใช้วิธีไหน 

เมื่อถามต่อว่า นายกฯ จะบอกอย่างไรกับประชาชน และห่วงความรู้สึกประชาชนหรือไม่ เพราะจะช้าออกไปอีก นายกฯ กล่าวว่า มันคือข้อเท็จจริง หากเร่งทำไป ก็จะมีหลายภาคส่วนถามว่า ทำไมต้องเร่ง และอาจจะมีข้อสังเกตเป็นการกระทำไม่ถูกต้องหรือเปล่า เราเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ได้แถลงถึงสถานการณ์จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำลังซื้อหด และได้มีการช่วยพยุงราคาค่าครองชีพต่างๆ หากเรามัวแต่ทำเรื่องเก่าๆ ก็จะเข้าไปสู่วังวนเดิมๆ ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้หากจะต้องช้าเพื่อความถูกต้อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องและจำเป็น 

เมื่อถามอีกว่า กรอบเวลา 30 วันหากศึกษาแล้วสามารถทำได้ ไทม์ไลน์จะขยับไปจากเดิมหรือไม่ หรือถ้าศึกษาแล้ว บอกไม่ควรกู้เงิน อาจจะขยับไปปีงบประมาณ 68  เลยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า คิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นไปได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับข้อสรุปว่าจะสรุปอย่างไร 

เมื่อถามด้วยว่า ใช้คำว่าช้าแต่ชัวร์ที่จะได้เงินดิจิทัลใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ค่อนข้างเป็นไปได้ ใช่ครับ ไม่แน่ใจด้วยว่าจะช้าหรือเปล่า เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าข้อเสนอแนะคืออะไร หากทุกคนบอกว่า จำเป็นเร่งด่วน เป็นเรื่องที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว มีคณะกรรมการที่ตั้งมาแล้ว ทุกภาคส่วนสบายใจว่า สามารถกำกับดูแลเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสได้ คณะกรรมการที่ต้องรับผิดชอบในหน่วยงานของเขาต้องตอบปัญหาพี่น้องประชาชนให้ได้ ถ้าเขาสามารถอธิบายได้ ผมเชื่อว่าน่าจะเดินต่อได้เร็ว "

เมื่อถามอีกว่า ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ยังไม่ ได้ครับ"

เมื่อถามต่อว่า ป.ป.ช.เห็นว่าควรแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จะต้องมีการทบทวนกลุ่มผู้แจกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ทบทวนไปแล้ว หากย้อนเวลาไปได้ตอนต้น ซึ่งมีหลายท่านแนะนำว่า อย่าแจกคนรวย เหตุผลหนึ่งที่ล่าช้ามา ตนได้ถามกลับไปจากคนที่แนะนำว่า บอกหน่อยว่าคนรวยนั้นเงินเดือนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครบอก เราเองก็ไปคิดมาว่าคนรวยคือเงินเดือน 70,000 บาทขึ้นไป ก็ถูกต่อว่าว่า 70,000 บาท ยังมีหนี้ล้นพ้นตัวอยู่ ตนไม่ใช่คนรวยอยากได้ด้วย แล้วจะให้ตัดตรงไหน นโยบายทีแรก เราบอกว่าแจกทุกคน ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่พอได้รับฟังความคิดเห็นมาบอกว่า ให้แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง บอกตนให้เป็นเอกฉันท์เลย ว่ากลุ่มเปราะบางนั้นเท่าไหร่ แล้วมานั่งพูดคุยกันดีกว่า 

เมื่อถามย้ำว่า การแจกเงินดิจิทัลจะเกิดขึ้นแน่นอนใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวต้องฟังจากที่คณะกรรมการประชุมกัน 

เมื่อถามว่า ไทม์ไลน์ที่ขยับออกไป นายกฯ กล่าวสวนว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะขยับหรือเปล่า ซึ่งต้องฟังความคิดเห็นก่อน จะมีวิธีไหนอย่างไร 

เมื่อถามอีกว่า กระทบแผนฟื้นศรษฐกิจที่นายกฯบอกว่าวิกฤติหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า ข้อสมมติฐานของสื่อผิดที่บอกว่าจะล่าช้าออกไป ตนยังไม่ได้บอกว่าจะล่าช้าออกไป ซึ่งยังไม่ทราบว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไรต้องรอฟังจากคณะกรรมการ