"ภูมิธรรม" ลั่น “นายกฯ”มีคนเดียว ยัน”ทักษิณ”พักโทษไม่มีผลต่อรัฐบาลและ”เพื่อไทย” คุย”เพื่อไทย”แข็งแกร่งอยู่แล้ว พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะอดีตนายกฯ ที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ  ด้าน”กิตติศักดิ์”ยืนกรานรัฐบาลมีนายกฯมากกว่า  2 คน เย้ย “เศรษฐา” ไม่ต่างดาวไร้แสง ขณะที่“จุลพันธ์” วอนประชาชนอดทนรอ”ดิจิทัลวอลเล็ต” ได้คนละ 1 หมื่นชัวร์

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ก.พ.67  นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยมี 2 คน หลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษออกมา ว่า นายกฯ มีคนเดียว คนที่พูดแบบนี้เขาย้อนอดีตมากเกินไป ต่อข้อถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณจะมีผลอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบบยุติธรรมในบ้านเราขณะนี้ยังดำรงอยู่ และพยายามปรับปรุงในสิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรค ดังนั้นหากใครจะพูดถึงระบบยุติธรรมก็สามารถพูดได้นานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าควรมองให้กว้างกันนิดหนึ่ง อย่าไปติดอยู่ที่กรณีใดกรณีหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ยังติดหล่มอยู่ จึงอยากให้พิจารณากันให้ถ่องแท้จริงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องจริง หรือเกิดจากอคติ หรือความรู้สึกบางส่วน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหลายคนระบุว่าจะเข้าไปกราบนายทักษิณ ส่วนตัวจะไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นธรรมดาของคนที่มีความรักความผูกพันกันก็อยากไปเยี่ยมเยียน เพราะนายทักษิณจากบ้านไป 17 ปีแล้ว นายทักษิณตัดสินใจออกจากประเทศไทย เพราะกระบวนการยุติธรรมผิดจากระบบรัฐธรรมนูญ คือการมีรัฐประหาร มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ 17 ปีผ่านมา นายทักษิณอายุมากแล้ว ก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ เมื่อนายทักษิณกลับไปบ้านนั่งอยู่ริมสระน้ำ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนจากบ้านไป 17 ปี เมื่อได้มีโอกาสกลับมาบ้านตัวเอง หลังจากที่ถูกอยู่ในสถานที่กักขังมา ฉะนั้นการออกมานั่งสูดอากาศข้างนอกเป็นเรื่องธรรมดา 

“สำหรับผมก็อยากไปเยี่ยม เพราะนายทักษิณเป็นคนที่เรารักและเคารพ ทำงานด้วยกันมานาน คงต้องปล่อยให้เป็นเวลาของท่านและครอบครัวจากแรงพลังรักของเขา และถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมก็จะไป”เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณออกมาทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว บนฐานที่ทำงานเพื่อดูแลเอาใจใส่ประชาชน เราทำงานแข่งกับตัวเอง ความเข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร นอกจากใครที่กังวล ไม่สบายใจจากความเติบโตและเข้มแข็งของรัฐบาล ก็อาจจะกังวลหรือคับข้องหมองใจไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนจะได้เห็นนายทักษิณเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในส่วนใดบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และเคยพูดไว้ชัดเจนว่าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะให้ความเห็นหรือเสนอแนะไป ซึ่งอยู่ที่ใครจะรับฟังหรือเอาไปเป็นประโยชน์ได้ เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ตก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายเข้ามา รัฐบาลก็เงี่ยหูฟังความเห็นที่สะท้อนมา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเสนอนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องธรรมดา และตนเห็นว่าในฐานะที่ นายทักษิณ เป็นคนที่มีประสบการณ์ อย่างน้อยสังคมไทยก็ยอมรับแล้วว่าในยุคสมัยของนายทักษิณสามารถแก้วิกฤติของประเทศได้หลายเรื่อง ทั้งไข้หวัดนก หรือวิกฤติเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ฉะนั้นถ้าจะมีความเห็นจากนายทักษิณหากประเทศเกิดวิกฤติก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนรัฐบาลจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะไปปรับใช้เอาเอง อย่าไปกังวลใจเรื่องที่จะเสนอความเห็น และอย่าเอาไปผูกกับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ 2 คน หรือเป็นห่วงว่ามันจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเป็นห่วงเลย อย่ากังวลใจ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ดี

เมื่อถามว่า ในอดีตนายทักษิณแก้ปัญหายาเสพติดได้ดี ครั้งนี้ระบาดหนัก จะขอความเห็นจากนายทักษิณ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำงานและพยายามแก้ไขอยู่ ได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว เพียงแต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดมีหลายทัศนะความเห็น หากเลือกตัดสินใจเด็ดขาดจัดการให้หมด ก็จะมีความเห็นว่าผิดหลักสิทธิมนุษยธรรม สร้างปัญหา ทำลายสิทธิเสรีภาพของคน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณด้วย แต่ถ้าหากไปฟังส่วนนี้มากก็จะถูกบอกว่าไม่เด็ดขาด รัฐบาลต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม ทำให้มันเด็ดขาดจึงสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ 

ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังสิ่งแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้น เพราะในการจัดการยาเสพติด บางทีการจะมีการทำร้ายหรือเข่นฆ่ากัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลใช้อำนาจในการจัดการอย่างเดียว แต่มีทั้งการใช้อำนาจเพื่อตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด และอีกหลายอย่าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในทางจิตใจเราชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องรีบจัดการ เพราะปัญหากระทบพี่น้องประชาชนอยู่ ในทางการปฏิบัติก็คงต้องระมัดระวังไม่ให้การจัดการที่เข้มงวดเด็ดขาดไปกระเทือนความรู้สึกของคนว่าเราไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพ

 "ท่านลองถามตัวเอง อยากให้จัดการเด็ดขาดหรือไม่ ถามว่าจะจัดการเด็ดขาดแบบไหน และถามว่าที่เขาบอกมาว่าต้องระมัดระวัง เคารพในความเป็นมนุษย์ จะจัดการให้สมดุลอย่างไร อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหาความสมดุลให้ได้" นายภูมิธรรม กล่าว

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวประเมินสถานการณ์หลังนายทักษิณได้รับการปล่อยตัว แต่มีคนบางส่วนต่อต้านและจะไปร้องเรียนหน่วยงานรัฐ ว่า คงจะมีอยู่บ้าง ซี่งกลุ่มที่ไม่ชอบก็มี แต่ไม่มาก แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากให้บรรยากาศมีความขัดแย้ง ดังนั้นคงจะไม่มีแนวร่วมขยายตัว เพราะคนเหนื่อยกับเศรษฐกิจ อยากให้แก้ไขเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าจะค่อยๆ สงบลง ทั้งนี้จากที่เห็นภาพนายทักษิณ ใส่เฝือกที่คอและแขน ก็รู้สึกสงสาร เพราะที่ผ่านมา มีแต่คนเห็นภาพนายทักษิณ องอาจแข็งแรง พอเห็นแบบนี้ก็สงสาร แต่การกลับมาได้ในวันนี้ก็ไม่ง่าย และเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน

นายสุทิน ยังกล่าวว่า การกลับมาของนายทักษิณน่าจะมีผลในเชิงความเป็นผู้นำทางจิตวิทยา ความเป็นที่ปรึกษา ให้แนวทางที่ดีกับพรรคเพื่อไทย

ด้าน นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)  กล่าวว่า เรื่องนายทักษิณได้รับการพักโทษจะต้องนำไปอภิปรายทั่วไป ในวันที่ 25 มี.ค. แน่นอน แต่ต้องระมัดระวัง เรื่องของกฎหมาย การหมิ่นประมาท แต่เมื่อทำหน้าที่แล้วก็ไม่ได้กังวล เพราะถ้าคนทำผิด โดยเฉพาะละเมิดกฎหมายแล้วถ้าไม่พูดถึงเลย เราก็ไม่ควรที่จะมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนี้

สำหรับกรณีที่นายทักษิณอาจเข้ามามีส่วนร่วม ในการบริหารประเทศด้วยนั้น ประเทศไทยขาดคนดีแล้วหรือ ถ้าไม่มีนายทักษิณอยู่ไม่ได้เลยใช่หรือไม่ และเห็นว่าคนไทยที่ไม่ใช่นายทักษิณ ต้องมาช่วยกันดูแลบ้านเมือง มาแก้ปัญหาของประเทศ แต่ถ้าเอานักโทษที่หนีคดีไป 10 กว่าปี กลับมาไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว มาบริหารประเทศ ตนก็มองไม่ออกว่า ประเทศไทยจะเดินไปสู่จุดไหน

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ไม่ใช่เพียงพรรคเพื่อไทยอย่างเดียวแต่ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลที่จะเข้า ไปกราบนายทักษิณ และอาจทำให้เป็นศูนย์รวมอำนาจนั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะไปละเมิดความคิด ความรักของคนได้ โดยเฉพาะการเมือง ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ใครจะไปไหว้ใครกราบใคร ก็เป็นสิทธิ์แต่สำหรับสว. กิตติศักดิ์จะไหว้แต่คนดีมีคุณธรรมเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปจะมีนายกรัฐมนตรีมากกว่า 2 คนหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามากกว่า 2 คน เพราะยังมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อีกคน ดังนั้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับประเทศไทย และตนคิดว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจใครทำผิด คนอื่นไม่รู้ สวรรค์รู้ ส่วนจะทำให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน สั่นคลอนหรือไม่นั้นจริงๆ ตั้งแต่แรกไม่ได้ให้ราคานายเศรษฐา เพราะที่มาก็ทราบอยู่แล้วว่ามาเพราะส้มหล่น หรือถูกหวย หรืออะไรก็ตาม ยิ่งเมื่อนายทักษิณมาอยู่ตรงนี้ นายเศรษฐาจะกลายเป็นดาวที่ไร้แสง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง การกล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ขณะนี้มีอุปสรรค เพราะมีคนที่บอกว่า ไม่ควรให้คนรวย ให้ตัดออก ให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ขอบอกว่า วันนี้เศรษฐกิจมันวิกฤต มันไม่ดี การกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งจำเป็น ยืนยันว่า ถึงจะมีอุปสรรค แต่จะเดินหน้าแน่นอน ยังไงต้องแจก 10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชนให้ได้

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขอความเห็นใจจากทุกคนว่า ท่านก็เห็นแล้วว่ามีหนังสือ จากหน่วยงานรัฐบางหน่วย มีการคัดค้านจากหน่วยงานบางกลุ่มบางคน บางคนอยู่บนหอคอยไม่ได้ลงมาสัมผัสกับประชาชนอย่างพวกเรา เพราะเขามองว่ามันไม่มีความจำเป็น กำลังของประชาชนยังมี ขอให้ประชาชนลองตบกระเป๋าตัวเองดูว่ายังมีเงินอยู่หรือไม่

“ขอบอกกับประชาชนว่าวันนี้หากเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกผมกำลังจะทำ ก็ต้องทำความเข้าใจกับเขา ยืนยันว่า รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกเงินดิจิตอล ซึ่งสิ่งต่างๆ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคน ทุกคนจะได้นำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพมี 1 คน ก็ 10,000 บาท คนในครอบครัวมี 5 คน ก็ 50,000 บาท ซึ่งมันจะเปลี่ยนชีวิตได้” 

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ถ้าเขาไม่เข้าใจพวกตนก็ต้องทำความเข้าใจ ขอความเห็นใจกับประชาชนว่ามันอาจจะช้า เพราะเลื่อนมาตั้งแต่กุมภาพันธ์มาจนถึงพฤษภาคม และอาจจะเลื่อนออกไปอีก หากถามว่าทำไมต้องเลื่อน ถ้าหากจะเปิดประตูเข้าบ้านแล้วมันดักตีหัว อยู่ข้างใน จะให้ตนเข้าไปหรือ ก็ต้องอดทนและพี่น้องก็ต้องอดทนรอ แต่ไม่นานเกินรอมาช้าแต่มาชัวร์ 10,000 บาท ต้องถึงมือทุกคนให้ได้ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาล ที่ทำงานให้ท่านสุดตัวและทุกวัน ขอกำลังใจ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เพื่อเดินหน้าเปลี่ยนประเทศ และทำให้4ปีข้างหน้า มีชีวิตที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจที่ดีขึ้นให้ได้