ศาลฎีกา ออกหมายจับ "จำเลยที่37"คดีโรฮิงญา เบี้ยวฟังคำพิพากษา - นัดไต่สวนการตายจำเลยที่ 14 เลื่อนฟังคำพิพากษา เป็น 2 เม.ย.67


วันนี้ (22 ก.พ.67) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา  ในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา  ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้องอดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลารายหนึ่ง กับพวกรวม 103 คน ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ ฯ ร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ  ซึ่งคดีนี้ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก  จำเลยที่ 54  ได้เสียชีวิตแล้ว 

จากกรณีเมื่อเดือนมกราคม 2554 - 1 พฤษภาคม 2558 จำเลยได้ร่วมกันหลอกขู่บังคับชาวบังกลาเทศ และชาวโรฮิงญากว่า 80 คนจากประเทศบังคลาเทศ และประเทศเมียนมา  เข้ามายังประเทศไทย  เพื่อเตรียมส่งไปทำงานประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งเป็นนายหน้าชักชวนผู้เสียหายว่าจะส่งไปทำงาน ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่หลงเชื่อและที่ไม่สมัครใจ โดยมีการใช้กำลังหรืออาวุธปืนประทุษร้ายและข่มขู่ผู้เสียหายด้วย และเมื่อรวบรวมผู้เสียหายได้ 200-500 คน ก็จะส่งขึ้นเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่กลางทะเล ที่มีผู้ควบคุมโดยใช้อาวุธปืนไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี จากนั้นจะมีเรือเล็กรับผู้เสียหายขึ้นฝั่งไปพักในเขต จังหวัดระนอง  จังหวัดพังงา โดยจะขายผู้เสียหายคิดเป็นเงินไทยคนละ 60,000-70,000 บาท

คดีนี้ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ซึ่งใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 540 หน้า นานร่วม 12 ชั่วโมง โดยตัดสินว่าให้จำคุก จำเลย 61 คน ตั้งแต่ 4-79 ปี และยกฟ้อง 40 คน

ส่วนศาลอุทธรณ์ สั่งแก้โทษ จำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 55 คน จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 61คนส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่าง ๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ศาลยกฟ้องเพียง 26 รายเท่านั้น

วันนี้ การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาจะใช้ระบบ Google Meet จากศาลฎีกา มายังศาลอาญา ซึ่งเป็นศาลต้นทาง ให้จำเลยที่ถูกคุมขัง จำเลยที่ได้รับการประกันตัว และจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้อง มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 

ขณะเดียวกันวันนี้มีญาติของจำเลยเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยโดยศาลอาญาใช้ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการจัดระเบียบให้ญาติเข้าไปร่วมฟังได้ 75 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีก 16 คน และตำรวจศาล พนักงานรักษาความปลอดภัย ไปดูแลความเรียบร้อย

เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่าจำเลยที่ 37 ไม่มาฟังคำพิพากษา เพราะเดินทางไปต่างประเทศ ศาลเห็นว่ามีพฤติการณ์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา สั่งให้ออกหมายจับไว้

ขณะเดียวกัน ทนายจำเลยที่ 14  แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 14 เสียชีวิต  ขณะถูกขุมขังอยู่ในเรือนจำ ตั้งแต่ปี 2566 แต่ทนายจำเลยที่ 14 ไม่มีการแจ้งต่อศาลก่อนหน้านี้ ศาลจึงต้องทำการไต่สวนยืนการเสียชีวิต ว่า หากเสียชีวิตจริง จะต้องสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบ 

จึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นวันที่ 2 เมษายน 2567  เวลา 9.30 น.