กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค บก.ปคบ. ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง,พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์,พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ, พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ,พ.ต.อ.ชัฏฐ์ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล ผกก.3 บก.ปคบ.,พ.ต.ท.เทพรัตน์ ศุกระกาญจน์, พ.ต.ท.ธงฉาน ตันบุญเจริญ รอง ผกก.3 บก.ปคบ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.ท.วัลลภ นุชกำบัง สว.กก.3 บก.ปคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคบ.  

 ร่วมกันจับกุม นายกิตติชัยฯ อายุ 34 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร”
 พร้อมด้วยของกลาง
1.อาวุธปืนสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ สีดำเงา มีอักษร BERETTA  ขนาด 380 จำนวน 1 กระบอก
(พร้อมซองบรรจุกระสุนจำนวน 1 ซอง)
2.อาวุธปืนสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ  สีเทา มีอักษร COLT  ขนาด 380 จำนวน 1 กระบอก(พร้อมซองบรรจุกระสุนจำนวน 1 ซอง)
3.อาวุธปืนสั้นแบบรีวอลเวอร์(ลูกโม่) สีเงิน ขนาด.38 SPECIAL จำนวน 1 กระบอก(พร้อมซองบรรจุกระสุนจำนวน 1 ซอง)
4.เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 SPECIAL จำนวน 14 นัด
5.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 380 จำนวน 15 นัด
6.กล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมสีดำ สำหรับใส่อาวุธปืน จำนวน 1 กล่อง
7.กระเป๋าสะพายแบบหลัง สีดำ มีซิปรูดเปิดปิดจำนวน 1 ใบ


​สถานที่จับกุม บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน ปากซอยเพชรเกษม 48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ​พฤติการณ์ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่ามีชายไทย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง มีพฤติการณ์มักชอบพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ เกรงว่าจะเป็นอันตรานยต่อประชาชนทั่วไป และมักมาปรากฎตัวอยู่บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน ปากซอยเพชรเกษม 48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ อยู่เป็นประจำ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าว โดยได้จอดรถและซุ่มดูอยู่ภายในปั้มน้ำมัน ในจุดที่มีแสงสว่างสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในเวลาต่อมา ได้พบเห็นนายกิตติชัยฯ ผู้ถูกจับ (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลัง)  มีลักษณะรูปพรรณคล้ายกับที่ได้รับแจ้งมา จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจค้น เมื่อผู้ถูกจับพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงอาการตกใจและจะทำการวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าควบคุมตัวไว้และทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายหลังสีดำ ที่ผู้ถูกจับถืออยู่ในมือ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการสอบถามผู้ถูกจับรับว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบเป็นของตนเองจริง โดยซื้อมาในกลุ่มแอปพลิเคชั่น LINE(กลุ่มปิด) เพื่อจะเอามาเก็บสะสมไว้แต่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจพบเสียก่อน และรับว่าตนเองไม่เคยได้รับใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนมาก่อนแต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบ แล้วนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป​ ​สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
 
 เตือนภัย การครอบครองอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนหรือปืนเถื่อน มีการระบุความผิดและอัตราโทษไว้อย่างชัดเจน คือ พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490  ซึ่งมาตรา 7 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 72 วรรคสอง  การกระทำใดๆอันเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ควรขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนเท่านั้น