วันที่ 24 ก.พ.2567 นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแสดงวิสัยทัศน์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในหัวข้อ IGNITE Thailand จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง พร้อมเสนอวิสัยทัศน์ผลักดันประเทศไทยเป็น 8 ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เป็นการยืนยันว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารประเทศมาหลายยุค มีนายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถหลายคน เราคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน คือแคมเปญหลักที่เราใช้ในการหาเสียงและยังคงเดินหน้า แม้เป็นรัฐบาลมาเพียง 6 เดือน แต่ผลงานประจักษ์ กลับมาเป็นที่ยอมรับเวทีนานาชาติ

สำหรับวิสัยทัศน์ 8 ด้าน โดยนายกรัฐมนตรีนั้น มุ่งเน้นการวางรากฐานด้านเศรษฐกิจและอนาคตประเทศไทยไปสู่ผู้นำของภูมิภาค  มีการวางช่วงระยะการดำเนินผลสำเร็จและยังมีเป้าหมายหรือตัวชี้วัดความสำเร็จ หรือ KPI ที่ชัดเจน ในขณะที่โครงการการลงทุนขนาดใหญ่ นายกรัฐมนตรีได้เตรียมการเอาไว้สำหรับการดำเนินการศึกษาอย่างรอบคอบ  โดยต้องการการพิจารณาร่วมกันไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ สภาผู้แทนราษฎร หรือการขอความเห็นที่เป็นประโยชน์จากองค์กรอิสระต่างๆ ด้วย ทั้งขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง  โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งโครงการขนาดใหญ่นี้จะเดินไปควบคู่กับดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลกำลังผลักดันเต็มที่

ส่วนที่นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่าฟังแล้วไม่มีอะไรใหม่ ไม่เห็นเป็นรูปธรรมทั้ง 8 ด้านว่าจะทำอย่างไร และกล่าวหาว่าแผนค่อนข้างลอยนั้น  เป็นการกล่าวหาที่เต็มไปด้วยอคติ  และไม่เปิดใจที่จะรับฟัง  เพราะการประกาศ ‘วิสัยทัศน์’ หรือ Vision คือ การมองภาพในอนาคต (Future Perspective) เป็นสิ่งที่ผู้นำบอกกับประชาชนและนานาประเทศ  ถึงทิศทางของประเทศไทย  และกำหนดจุดหมายปลายทางที่มีความชัดเจน มีพลัง และมีความเป็นไปได้ เช่น วางเป้าหมายเพิ่มระยะทางรถไฟทางคู่อีก 2,000 กิโลเมตร ภายในปี พ.ศ.2573  , เพิ่มระยะทางรถไฟฟ้าในกรุงดทพมหานครและในภูมิภาค 2.5 เท่า ในปี พ.ศ.2573  และรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินไปถึงหนองคายในปี 2030 และอื่นๆ อีกมากมาย จึงอยากวิงวอนว่า ประชาชนรอความเจริญมานานมากแล้ว  อย่าให้ความไม่รู้ บดบังความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการวางอนาคตให้ประเทศ

“นายกรัฐมนตรี มี DNA ผู้บริหารมืออาชีพ นอกจากประกาศเป้าหมายของประเทศให้ประชาชนรับรู้แล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงนักลงทุนที่ฟังอยู่ทั่วโลก ว่าประเทศไทยมีความพร้อมมาก นักลงทุนเมื่อได้ฟังแล้ว  พวกเขาจะได้รับรู้ทิศทางการลงทุนในไทยอย่างไร ในเวลาเดียวกันยังเป็นการแบ่งงานให้แต่ละกระทรวงไปทำงาน แบ่งงบ ประมาณตามงาน  เพื่อไทยเรามององค์รวม ภาพใหญ่  เราต้องการสร้างความเจริญกลับคืนสู่ประเทศ กลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาค” นายดนุพร กล่าว