ค่อนข้างแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งเสียอีกว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คงจะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ไปสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ที่จะมีขึ้นปลายปีนี้ กับ “โจ ไบเดน” เจ้าของตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต หากไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบไม่คาดฝันขึ้นเสียก่อน

ทั้งนี้ เพราะในพรรครีพับลิกัน ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือแคนดิเดต คนใด ที่จะมีกระแสมาแรงแซงโค้ง ปาดหน้าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้

จากการที่เขากวาดชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งขั้นต้น ไม่ว่าจะเป็นแบบคอคัส หรือแบบไพรมารี ในรัฐต่างๆ ช่วงที่ผ่านมา

ล่าสุด นายทรัมป์ อดีตผู้นำฝีปากกล้า ก็เอาชนะแบบทิ้งห่างอย่างหายห่วงเหนือ “นางนิกกี เฮลีย์” อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และอดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา ในสมรภูมิเลือกตั้งขั้นต้นแบบไพรมารี ชนิดคว้าชัยคาบ้านเกิดของนางเฮลีย์เอง

ก็คาดการณ์กันว่า นางเฮลีย์ คงจะยืนหยัดต่อสู้กับนายทรัมป์ได้อีกไม่กี่เพลา ก็คงจะถอนตัวไป เหลือไว้แต่นายทรัมป์ เพียงหนึ่งเดียว ที่จะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันค่อนข้างจะแน่ สำหรับการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทำเนียบขาว

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวผู้ที่จะลงชิงตำแหน่ง “รองประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน” แบบเป็น “คู่หู” ของนายทรัมป์นั้น ปรากฏว่า มีหลายคนอยู่เหมือนกัน ที่มาลงชิงชัยในตำแหน่งนี้ ได้แก่

นายวิเวก รามาสวามี นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย (Photo : AFP)

นายวิเวก รามาสวามี นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย

นางคริสตี โนเอม ผู้ว่าการหญิงแห่งรัฐเซาท์ดาโกตา (Photo : AFP)

นางคริสตี โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมของพรรครีพับลิกัน

นางทุลซี แกบบาร์ด สส.หญิงแห่งรัฐฮาวาย (Photo : AFP)

นางทุลซี แกบบาร์ด อดีตทหารหญิงเคยรบในสงครามอิรัก ปัจจุบันปลดประจำการมาเป็นกองกำลังสำรองแห่งกองทัพสหรัฐฯ และยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ของรัฐฮาวาย โดยนางแกบบาร์ดผู้นี้ เคยสังกัดพรรคเดโมแครต คู่ปรับตลอดกาลของพรรครีพับลิกันมาก่อน ก่อนที่จะย้ายมาสังกัดพรรครีพับลิกันในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ในระหว่างที่เธอยังสังกัดพรรคเดโมแครต เคยลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 (พ.ศ. 2563) อีกด้วยแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

นางเอลิเซ สเตฟานิก สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ หรือสภาคองเกรส แห่งรัฐนิวยอร์ก

นายทิม สกอตต์ สมาชิกวุฒิสภา หรือสภาซีเนต รัฐเซาท์แคโรไลนา สังกัดพรรครีพับลิกัน

นอกจากนี้ ก็ยังมีนายรอน ดิซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา แห่งพรรครีพับลิกัน ก็ได้ถูกพูดถึงในฐานะผู้ที่จะมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดีของนายทรัมป์อีกด้วย

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าอยากจะสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใด รวมถึงรองประธานาธิบดี ก็สมัครเลยตามใจฉันอย่างนี้คงไม่ได้ เพราะในการชิงชัยบนสังเวียนสู้ศึกทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการทำโพลล์ เพื่อสำรวจคะแนนนิยม ซึ่งถ้าคะแนนนิยมของใครไม่ดี ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ก็สมควรที่จะพิจารณาตนเองออกไป      

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจจะเลือกนายวิเวก รามาสวามี เป็นรองประธานาธิบดีของเขา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ปลายปีนี้ (Photo : AFP)        

ยกตัวอย่าง อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เมื่อกล่าวถึงประวัติพฤติกรรมส่วนตัวของเขาแล้ว ก็ไม่น่าจะมาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 นี้ได้ ด้วยคดีความต่างๆ รอลงดาบอีกกว่า 90 กระทง แต่เขาก็ยังอยู่บนสังเวียนสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันต่อไป ด้วยคะแนนนิยมที่เหนือกว่าคนอื่นๆ แม้กระทั่งประธานาธิบดีไบเดนคู่แข่งก็ยังเป็นรอง ด้วยประการฉะนี้ ทางพรรครีพับลิกัน ก็ยังต้องมีชื่อของนายทรัมป์ในฐานะผู้สมัครฯ ของพรรคอยู่ต่อไป

โดยคะแนนนิยมของเหล่าบรรดาผู้สมัครฯ รองประธานาธิบดีของนายทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน ที่กำลังชิงชัย ณ ชั่วโมงนี้ ในการสำรวจโพลล์ หรือความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ปรากฏว่า นายวิเวก รามาสวามี นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย กับนางคริสตี โนเอม ผู้ว่าการหญิงแห่งรัฐเซาท์ดาโกตา มีคะแนนนิยมแบบมาแรงแซงโค้งเหนือแคนดิเดตคนอื่นๆ

ตัวเลขที่สำรวจได้ ก็ระบุว่า นายวิเวก รามาสวามี และผู้ว่าการฯ โนเอม มีคะแนนนิยมเท่ากันที่ร้อยละ 15

ส่วนนางแกบบาร์ด อดีตสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่แปรพักตร์มาอยู่กับรีพับลิกัน มีคะแนนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 9 ซึ่งถือเป็นลำดับ 3 แบบตามหลังห่างๆ เพราะทิ้งระยะถึง 6 จุดด้วยกันเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับ 1 ที่ตีคู่มา 2 คนข้างต้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส แห่งสหรัฐฯ ซึ่งถูกคาดหมายว่า ทั้งสองจะสู้ศึกเลือกตั้งในฐานะประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตกันอีกครั้ง (Photo : AFP)

ขณะที่ นางเอลิเซ สเตฟานิก และสว.ทิม สกอตต์ ได้คะแนนนิยมที่ร้อยละ 8 เท่ากัน

ด้วยคะแนนนิยมที่ออกมาเช่นนี้ ทางพรรครีพับลิกัน ก็จับตาไปที่นายวิเวก รามาสวามี และผู้ว่าการฯ โนเอม เป็นหลักใหญ่ในการเลือกผู้ที่จะมาลงชิงชัยเป็นรองประธานาธิบดีของนายทรัมป์

โดยตัวเลขคะแนนนิยมที่ปรากฏ ก็ต้องถือว่า ทั้งสองคน คงต้องสัประยุทธ์กันอย่างดุเดือด เพื่อให้ได้คะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 และเข้าตาอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ สำหรับ การพิจารณาให้มาเป็นรองประธานาธิบดีของเขา

อย่างไรก็ดี ก็มีเสียงกระเส็นกระสายมาว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อาจพิจารณาเลือกนายวิเวก รามาสวามี มาร่วมชิงชัยในฐานะเป็นรองประธานาธิบดีของเขาก็เป็นได้

“แอร์ ฟอร์ซ ทู” เครื่องบินประจำตำแหน่งของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Photo : AFP)

ทั้งนี้ เนื่องจากคะแนนนิยมของนายวิเวก รามาสวามี ที่ได้มาในการสำรวจครั้งนี้นั้น ฐานคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ก็มาจากฐานคะแนนเสียงของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในพรรครีพับลิกัน เป็นกลุ่มคนที่เทคะแนนให้ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงอย่างมากว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ จะเลือกนักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย วัย 38 ปี ผู้นี้ มาเป็นรองประธานาธิบดีของเขาด้วย สำหรับ การสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนปลายปีนี้ กับคู่แข่งของทางฟากพรรคเดโมแครต ที่คาดว่า ผู้ที่จะมารองประธานาธิบดีของประธานาธิบดีไบเดนอีกสมัยนั้น ก็คือ นางกมลา แฮร์ริส ซึ่งมีเชื้อสายชาวอินเดียแดนภารตะด้วยเหมือนกัน