วันที่ 28 ก.พ.67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมกับคณะทำงาน เพื่อซักซ้อมแผนการเคลื่อนย้ายคนจีน 900 คนที่ถูกหลอกไปทำงานในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนที่บุกเข้าไปทลายเครือข่าย

พล.ต.อ.สุร  กล่าวว่า เบื้องต้นปฏิบัติการจะเริ่มขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1 และ 2 มีนาคม รวมระยะเวลา 3 วัน ซึ่งในวันแรกจะเป็นการส่งเครื่องบินจากประเทศจีนมารับคนจีนชุดแรกสามเที่ยวบิน 149 คน จากท่าอากาศยานแม่สอด จังหวัดตาก ส่วนวันที่หนึ่งและสองจะเป็นการย้ายวันละ 6 เที่ยวบิน รวมทั้งสิ้น 15 เที่ยวบิน  การทำงานครั้งนี้เป็นการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศหลังจากที่ทางการไทยเคยขอความช่วยเหลือจากประเทศจีนในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานที่เมืองเล้าก่าย ผ่านเมืองคุณหมิง โดยไทยได้ส่งเครื่องบินไปรับกลับมายังประเทศต้นทางมาแล้วครั้งหนึ่ง รัฐบาลจีนจึงประสานขอความร่วมมือมาเช่นกัน  โดยปฏิบัติการครั้งนี้มีการซักซ้อมความร่วมมือร่วมมือจากทุกภาคส่วนตั้งแต่การเคลื่อนย้ายคนจีนจากเมืองเมียวดีผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ข้ามมายังด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและควบคุมต่อไปอย่างท่าอากาศยานแม่สอด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทุกปฏิบัติการมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองการต่างประเทศ และหน่วยงานภายนอกอย่างกลุ่มเอ็นจีโอ เพื่อให้การเคลื่อนย้ายเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และไม่กระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพทุกขั้นตอนและไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่จากประเทศจีนที่ติดอาวุธลงจากเครื่องบินและย้ำด้วยว่าหากเครื่องบินจากทางการจีนยังไม่จอดเทียบท่าที่ท่าอากาศยานจะไม่มีการลำเลียงคนจากเมียวดีข้ามแดนมาอย่างเด็ดขาด  นี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประเทศไทยประกาศชัดถึงจุดยืนในการต่อต้านการค้ามนุษย์และในวันที่ 3 มีนาคมที่จะถึงนี้ ก็จะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อประชุมกับทริปออฟฟิศ ในการกำหนดกรอบการยกระดับ เทียร์ ของประเทศไทยซึ่งที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับเทียร์ 2 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่าผลการปฏิบัติการที่ผ่านมามีการจับกุมค่อนข้างสูงและเอาใจใส่ทางคดีจึงเชื่อมั่นว่าทิศทางการรายงานผลในปีนี้จะเป็นแต้มบวกสำหรับประเทศไทย  หากไม่ได้ลด ระดับมาอยู่ที่ เทียร์ 1 ก็จะได้อยู่ในระดับเทียร์ 2+ ซึ่งเป็นสถานะที่พร้อมจะลดระดับ หลังจากการเดินทางไปก็จะรายงานผลกลับมามายังประเทศไทยอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในการทำงานด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจังจนทำให้สหรัฐอเมริกายอมรับในความต่อเนื่องของประเทศไทยในการปราบปราบการค้ามนุษย์