วันที่ 29 ก.พ.2567 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระประชุมตามระเบียบวาระ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นหารือถึงห้องประชุมวิปฝ่ายค้านหลังบัลลังก์ ว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ได้หารือกับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง ถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ต้องบอกตามตรงว่าพรรคพลังประชารัฐกำลังยึดครองห้องหลังบัลลังก์โดยพลการอยู่ในตอนนี้ ได้ให้สัญญาว่าจะย้ายออกภายใน 1 สัปดาห์ แต่จนถึงปัจจุบันพรรคพลังประชารัฐก็ยังคงยึดครองห้องหลังบัลลังก์ และไม่ยอมย้ายออก และวันที่เข้าไปดูห้อง มีการเอาชั้นหนังสือเหล็กมากั้น เพื่อให้ครึ่งหนึ่งของห้อง น่าจะเป็นห้องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่เคยเข้ามานั่งในสภาฯนี้เลย 

“ผมไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประวิตร เคยเข้าไปนั่งจริงๆหรือไม่ สิ่งที่แย่กว่านั้น ท่านประธานก็รู้เห็นในเหตุการณ์ การเข้าไปพูดคุยวันนั้น นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก พรรคพลังประชารัฐ บอกว่าไม่มีระเบียบว่าห้องหลังบัลลังก์ คือห้องประสานงานวิปฝ่ายค้าน ซึ่งประธานก็บอกว่าไม่มีระเบียบว่าห้องนั้นเป็นของพรรคพลังประชารัฐ เช่นกัน แต่นายภาคภูมิ บอกว่าผมขอยึด ดังนั้นผมก็ต้องถามว่าประธานฯจะปล่อยให้มีพฤติกรรมแบบนี้ในสภาฯหรือไม่ และจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร เพราะขณะนี้มีพรรคการเมืองที่มีสส.36 คนยึดห้องหลังบัลลังก์ เป็นของพรรคตัวเองโดยพลการ ทั้งที่ไม่มีระเบียบอะไรรองรับ”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ทำให้นายปดิพัทธ์ ประธานในที่ประชุมชี้แจงว่า หลังจากที่หารือปัญหาเรื่องนี้ ตนขอให้ฝ่ายเลขาธิการสภาฯ ได้ร่างระเบียบการใช้ห้องหลังบัลลังก์แล้ว และเป็นระเบียบที่ประธานสภาฯ รับทราบแล้ว จึงคิดว่าถ้าเกิดมีความชัดเจนจากประธานสภาฯในการบังคับใช้ระเบียบนี้ เราก็จะมีมาตรการดำเนินงานอย่างตรงไปตรงมาและเร็วที่สุด  แต่เบื้องต้นก่อนการบังคับใช้ระเบียบเรามีการเจรจาก่อน ซึ่งเป็นแนวทางที่พวกเราพยายามช่วยกัน แต่ถ้ามีระเบียบบังคับใช้แล้วเราก็จะใช้บังคับเสมอภาคและเท่าเทียม อย่างไรก็ตามขอฝากพรรคที่ถูกพาดพิงจะใช้สิทธิ์พาดพิงก็ได้ หรือดำเนินการตามที่สมาชิกแนะนำก็ได้